รีวิว FCC Angkor by Avani สัมผัสมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายแห่งยุคโคโลเนียลของเสียมเรียบ (Siem Reap) ประเทศกัมพูชา ที่โรงแรมเอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี
เมื่อกาลเวลาได้นำพาเอาความความงดงามของศิลปะแห่งยุคสมัยจาก 3 ช่วงเวลามาบรรจบกันที่ เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี (FCC Angkor by Avani) โรงแรมระดับอัพสเกลร่วมสมัยที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินประวัติศาสตร์ของอารยธรรมขอมโบราณ แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายด้านการออกแบบสุดคลาสิคแห่งยุคโคโลเนียล พร้อมด้วยการตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสมัยใหม่ ที่พร้อมเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกสู่เมืองเสียมเรียบ หรือ เสียมราฐ (Siem Reap) อันเป็นที่ตั้งของนครวัด มรดกโลกชิ้นสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศกัมพูชา ที่นักเดินทางต่างหาโอกาสมาเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตดังคำกล่าวที่ว่า "See Angkor Wat and Die" เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ว่าโรงแรมเอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี ที่เมืองเสียมเรียบแห่งนี้ จะสวยงามน่ามาพักผ่อน รวมถึงน่ามาเที่ยวมากแค่ไหน ตามรอยไปชมด้วยกันกับเราในรีวิวนี้เลยดีกว่า ^^
จองห้องพัก FCC Angkor by Avani ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda
โรงแรม FCC Angkor by Avani ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองเสียมเรียบติดกับแม่น้ำเสียมเรียบ ไปไหนมาไหนได้ง่ายสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นที่กิน ที่เที่ยว อย่าง Royal Independence Gardens และ Royal Residence ถนน Pub Street รวมถึงนครวัดและนครธม โดยจากสนามบินเสียมเรียบใช้เวลาเดินทางถึงโรงแรมเพียงแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่สนามบินเสียมเรียบแห่งปัจจุบันจะเปิดให้บริการถึงแค่ราวเดือนกันยายน 2566 เท่านั้น ก่อนจะมีการย้ายไปยังสนามบินแห่งใหม่ที่ชื่อว่าสนามบินเสียมเรียบ อังกอร์ (Siem Reap Angkor International Airport) ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางเข้าเมืองเสียมเรียบเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ชั่วโมง
FCC Angkor by Avani ถือเป็นโรงแรมระดับอัพสเกลที่บริหารงานโดยแบรนด์ Avani แห่งเครือ Minor Hotels (ประเทศไทย) และยังเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรโรงแรมสากล GHA (Global Hotel Alliance) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรของแบรนด์โรงแรมอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่ในอาคารและพื้นที่ดั้งเดิมของ FCC Angkor ซึ่งถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของเมืองเสียมเรียบ หรือ เสียมราฐ (Siem Reap) ประเทศกัมพูชา ได้รับการสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยยุคโคโลเนียลด้วยสไตล์ทรอปิคอลในฐานะบ้านข้าหลวงของฝรั่งเศส ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยมาเป็นสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ หรือ FCC (Foreign Correspondents' Club) ประจำเมืองเสียมเรียบ ซึ่งอยู่ในความดูแลของทาง FCC Collection ที่มี Property อยู่สองแห่งในประเทศกัมพูชาด้วยกันคือ FCC Angkor (โรงแรม) และ FCC Phnom Penh (ร้านอาหารและบาร์) โดยในปัจจุบัน FCC Angkor ผ่านการปรับรุงรวมถึงมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงแรมสไตล์โคโลเนียลแบบร่วมสมัยที่บริหารงานโดย Avani อย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อประมาณช่วงโควิดที่ผ่านมานี่เอง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังค่อนข้างใหม่ น่ามาพักมาก
Room Type
ห้องพักของโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี ประกอบไปด้วยห้องพักและห้องสวีทจำนวน 80 ห้องด้วยกัน โดยห้องพักของทางโรงแรมสามารถแบ่งออกเป็นห้องพักประเภทต่างๆ ได้ทั้งหมด 8 ประเภท ประกอบไปด้วย
ห้องดีลักซ์ (Deluxe) ขนาด 33 ตารางเมตร
ดีลักซ์ คอร์ทยาร์ด (Deluxe Courtyard) ขนาด 33 ตารางเมตร
พรีเมียร์ (Premier) ขนาด 35 ตารางเมตร
พรีเมียร์ ทริปเพิล (Premier Triple) ขนาด 38 ตารางเมตร
กัฟเวอร์เนอร์ สวีท (Governor Suite) ขนาด 66 ตารางเมตร
การ์เด้น สวีท (Garden Suite) ขนาด 66 ตารางเมตร
แฟมิลี่ สวีท (Family Suite) ขนาด 93 ตารางเมตร
ริเวอร์ วิว สวีท (River View Suite) ขนาด 149 ตารางเมตร
โดยทุกห้องได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบแบบร่วมสมัย เรียบ ดูดีน่าพัก เน้นโทนสีขาว ส้ม (แบบสีอิฐและทองแดง) ผสมผสานเอาไว้ด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะและงานแกะสลักแบบขแมร์ที่แฝงมาในลวดลายของพื้นกระเบื้อง ประดับประดาด้วยของตกแต่งสุดคลาสสิคในอดีตไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ดีด นาฬิกา โทรศัพท์แบบวินเทจ ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวอันรุ่งเรืองของสถานที่แห่งนี้ในสมัยที่ยังคงเป็นสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ซึ่งส่วนของห้องพักนั้นจะตั้งอยู่ในพื้นที่ทั้ง 2 โซนของทางโรงแรมที่ตั้งอยู่คนละฟากของถนนด้วยกัน ประกอบไปด้วย
โซนดั้งเดิม ที่เป็นฝั่งของตัวอาคาร FCC Angkor ดั้งเดิม (ปัจจุบันเป็นห้องอาหาร) และอาคารห้องพักที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ความสูง 2 ชั้น ฝั่งนี้ถือเป็นฝั่งหลักของโรงแรมที่มีพื้นที่มากที่สุด ประกอบไปด้วยส่วนของล็อบบี้ ห้องอาหาร บาร์ ห้องพัก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คิดส์คลับ และแกลลอรี่
โซนใหม่ ที่เป็นอาคารสร้างขึ้นใหม่ความสูง 3 ชั้น โซนฝั่งที่มีพื้นที่ไม่มากนัก เป็นที่ตั้งของห้องพัก สระว่ายน้ำ และสปา
DELUXE COURTYARD ROOM
ในครั้งนี้เราเลือกห้องพักแบบดีลักซ์ คอร์ทยาร์ด (Deluxe Courtyard) ขนาด 33 ตารางเมตร ที่เป็นวิวสวน จริงๆต้องบอกว่าห้องพักประเภทดีลักซ์ และดีลักซ์ คอร์ทยาร์ด นั้นคือห้องพักประเภทเดียวกันเลย แตกต่างแค่ตำแหน่งที่ตั้งที่แบบคอร์ทยาร์ดจะตั้งอยู่ชั้นล่างติดสวนมีเก้าอี้นั่งเด่นด้านหน้าห้องพัก ซึ่งข้อดีของห้องพักประเภทนี้คือใกล้กับสระว่ายน้ำเพราะว่าตั้งอยู่แถวหน้าห้องเลย ไปเล่นน้ำง่ายสะดวกดี
ภายในห้องพักแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน คือ ส่วนของห้องนอนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วก็เจอเลย มีเก้าอี้นั่งทำงาน มินิบาร์ ทีวี และลำโพงบลูทูธให้ใช้ ภายในห้องใช้กระจกบานใหญ่เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ ดูสว่างสบายตา ถัดมาก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำที่แยกโซนเปียกโซนแห้ง ฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ พร้อมที่เก็บกระเป๋าสัมภาระ พวกก๊อกน้ำต่างๆ จะใช้เป็นก๊อกทองแดงสไตล์ฝรั่งเศสที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอาคารโคโลเนียลดั้งเดิม พวกของใช้ภายในห้องพักยังมีร่ม เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ และกระเป๋าสานเตรียมเอาไว้ให้ใช้ด้วย
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์สบู่และแชมพูในห้องน้ำแบบรีฟิล ลดการใช้พลาสติกด้วยบรรจุภัณฑ์ของแปรงสีฟันและที่โกนหนวดแบบซองกระดาษ รวมถึงขวดน้ำดื่มที่ให้บริการภายในห้องพักเป็นแบบขวดแก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
นอกเหนือจากห้องพักที่เราพักในครั้งนี้แล้ว อยากขอพาไปชม Room Type แบบสวีทอีก 2 ประเภทเผื่อเป็นตัวเลือกให้คนที่กำลังตัดสินใจอยู่ด้วยกัน คือ
GOVERNOR SUITE
ห้องกัฟเวอร์เนอร์ สวีท (Governor Suite) ขนาด 66 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องพักประเภทเริ่มต้นหนึ่งเท่าตัว เหมาะมากสำหรับใครที่มาแบบครอบครัว สามารถเข้าพักหรือเสริมเตียงเพิ่มได้สบายๆ ที่มีการแบ่งพื้นหลักๆ ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนของห้องนั่งเล่นที่มีโซฟา ทีวี โต๊ะรับประทานอาหาร และอีกห้องคือส่วนของห้องนอนและห้องน้ำแบบเปิดโล่ง มีอ่างแช่น้ำขนาดใหญ่ ห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์ และห้องสุขา รวมถึงเตียงคิงส์ไซส์ โต๊ะทำงาน มินิบาร์ และเครื่องชงกาแฟแคปซูล
GARDEN SUITE
ห้องการ์เด้น สวีท (Garden Suite) ขนาด 66 ตารางเมตร สำหรับห้องพักประเภทนี้จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แทบไม่แตกต่างกันห้องกัฟเวอร์เนอร์ สวีท ต่างกันนิดหน่อยแค่เลย์เอ้าท์และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องพักเพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของห้องห้องการ์เด้น สวีท เลยคือตำแหน่งที่ตั้งที่จะอยู่ชั้นล่าง มีมุมสวนขนาดเล็กส่วนตัวภายในห้องพัก รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Plunge Pool เอาไว้นอนแช่น้ำเล่นชิวๆแบบส่วนตัวภายในห้อง ถือว่าเหมาะมากเลยสำหรับคู่รัก
Facility
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี ประกอบไปด้วย
Pool
Avani Fit
Avani Kids
Visaya Spa
Gallery
Pool
สระว่ายน้ำของโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี จะมีอยู่จำนวน 2 สระด้วยกัน คือฝั่งละหนึ่งสระ โดยทั้งสองสระมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ถือว่ากำลังเหมาะสมกับขนาดของโรงแรม เอาไว้มาเล่นน้ำสบายๆ คลายร้อนกับอากาศที่เสียมเรียบกันมากกว่า ซึ่งฝั่งที่เป็นโซนอาคารดั้งเดิมถือได้ว่าเป็นสระหลักของโรงแรม จะมีบรรยากาศที่ดีกว่าด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ ร่มรื่นดูเป็นธรรมชาติน่ามาพักผ่อน มีเตียงอาบแดดและ Pool Bar ด้านข้างสระ ในขณะที่สระอีกฝั่งของโซนอาคารใหม่แม้จะมีขนาดของสระที่ใกล้เคียงกัน แต่พื้นที่โดยรอบสระจะค่อนข้างแคบกว่านิดนึง แถมตั้งอยู่ติดกับตัวอาคารด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากมาว่ายน้ำแนะนำว่ามาเล่นฝั่งโซนดั้งเดิมดูชิวกว่ามาก
Avani Fit
ห้องฟิตเนสของทางโรงแรมมีขนาดเล็กกระทัดรัด มีพวกลู่วิ่ง ดัมเบล เอาไว้ให้ใช้ออกกำลังกายกะนได้ตลอดทั้งวัน แค่ใช้ Key Card ห้องพักแตะเข้ามา
Avani Kids
คิดส์คลับของทางโรงแรมจะเป็นห้องแอร์ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรมติดกับสวน ภายในมีของเล่นมากมายสำหรับคุณหนูๆ
Visaya Spa
สปา Visaya ของโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี จะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของโซนอาคารใหม่ เพื่อให้บริการได้ทั้งแขกของทางโรงแรมและแขกภายนอก มีบริการเมนูทรีตเมนต์หลากหลายแบบในสไตล์แขมร์ผสมผสานกับเทคนิคแบบตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นนวดหินอโรมา ประคบร้อน นวดศีรษะและเท้าแบบอินเดีย คือบอกเลยว่าชอบมาก อย่างเราเลือกแบบนวดน้ำมันอโรม่าซึ่งจะมีให้เลือก 3 กลิ่นตามใจชอบ เรื่องการนวดคือ Therapist ลงน้ำหนักได้ดีและรีดเส้นโดนทุกจุด ประทับใจมาก แนะนำเลยจริงๆ ถ้าใครมาพักที่นี่ ส่วนห้องทรีตเมนต์จะมีทั้งแบบห้องเดี่ยว และห้องคู่สำหรับใครที่มาด้วยกัน
Gallery
ห้องแกลลอรี่จัดแสดงภาพภายในโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี เปิดให้เข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยทางโรงแรมจะจัดแสดงภาพน้องน้องๆนักเรียนศิลปะชาวกัมพูชาให้ได้ชมกัน แต่ละภาพฝีมือดีมาก
และนอกจากแกลลอรี่ของน้องๆ เยาวชนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งแกลลอรี่จากศิลปิน Christian Develter ที่จัดแสดงและจำหน่ายผลงานศิลปะร่วมสมัยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะบนใบหน้าของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศกัมพูชาอีกด้วย
Restaurant
ห้องอาหารและบาร์ของทางโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี มีทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน ถือว่าเพียงพอกับโรงแรมขนาด 80 ห้อง ที่มีหนึ่งห้องอาหารหลัก และสองบาร์ รวมถึงบริการรูมเซอร์วิส โดยส่วนของห้องอาหารและบาร์ทั้งหมดจะตั้งอยู่บริเวณโซนอาคารดั้งเดิมของทางโรงแรม ประกอบไปด้วย
The Mansion ห้องอาหารหลักแบบ All Day Dining
Scribe บาร์เครื่องดื่ม
Pool Bar พูลบาร์ริมสระ
The Mansion
เดอะ แมนชั่น ห้องอาหารหลักเพียงหนึ่งเดียวของโรงแรม เอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี ตั้งอยู่ภายในอาคารดั้งเดิมของ FCC Angkor ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เสียมเรียบ โดยยังคงเอาไว้ซึ่งความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลด้วยอาคารเพดานสูงเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ พร้อมได้รับการตกแต่งเพื่อบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบันด้วยของตกแต่งในสไตล์ขแมร์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์แบบย้อนยุค โดยสัญลักษณ์ของห้องอาหารแห่งนี้จะเป็นรูปของเครื่องพิมพ์ดีดที่สื่อถึงความเป็นสโมสรผู้สื่อข่าวในอดีต
ให้บริการอาหารแบบ All Day Dining ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า และเมนูอาหารแบบ A la carte ในมื้อกลางวันและเย็น ทั้งเมนูท้องถิ่น เอเชีย และนานาชาติ แต่สำหรับคนไทยอย่างเราๆแล้ว แนะนำพวกเมนูท้องถิ่นของเขมรเลยถูกปากคนไทยแน่นอน เพราะมีรสชาติและวัตถุดิบใกล้เคียงกันกับของไทย ถูกปากทานได้ไม่ต้องกังวลแน่นอน โดยเฉพาะเมนูเนื้อลกลัก (Beef Lok Lak) ถือว่ารสชาติดีเลย ทานง่ายสั่งได้ทุกมื้อ หรือเมนูอาหารจานเดียวอื่นๆ เช่น ข้าวผัดแบบเขมร เสือร้องไห้ หรือถ้าอยากสั่งจานเดียวได้ลองอาหารท้องถิ่นหลากหลาย เราขอแนะนำเมนู Khmer Degustation ที่จะเสิร์ฟมาในถาดขนาดใหญ่ มีหลากหลายเมนูท้องถิ่นให้ได้ลิ้มลองคู่กับข้าวสวย คุ้มดีมาก เพราะสั่งจานเดียวแต่ได้ทานเมนูขึ้นชื่อของเขมรหลายอย่างในทีเดียว นอกจากนี้ อาหารฝรั่งอื่นๆ ก็ถือว่าผ่านทั้งรสชาติและวัตดุดิบดี
ส่วนช่วงมื้อค่ำของบางวัน ทางห้องอาหารยังมีกิจกรรมพิเศษอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงรำ Apsara Dance หรือธีมเมนูอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งแนะนำให้ลองตรวจสอบตารางกิจกรรมกับทางห้องอาหารของโรงแรมดูอีกที
Breakfast Buffet
เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ดังนั้นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าของทางโรงแรมนจึงนอยู่กับวันและจำนวนของแขกที่เข้าพัก คือถ้าวันไหนแขกเยอะทางโรงแรมก็ก็จะจัดเป็นไลน์อาหารให้ตักกัน แต่ถ้าวันไหนแขกไม่เยอะมากก็จะใช้เป็นวิธีการสั่งแบบ A la carte จากเมนูอาหารเช้าแทน สามารถสั่งได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดเช่นกัน ซึ่งตัวเมนูนั้นอาจจะไม่ได้หลากหลายมากนักตามขนาดของโรงแรม แต่ก็ถือว่าครอบคลุมดี มีทั้งเมนูแบบเขมร และเมนูฝรั่ง เราว่าทั้งรสชาติและหน้าตาถูกปากดีทั้งคู่เลยนะ ใครพักหลายวันก็ลองสลับเมนูทานกันดูก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Egg Benedict ข้าวผัดแบบเขมร เฝอ แพนเค้ก ฯ ส่วนพวกเครื่องดื่มจะมีตั้งให้บริการเอาไว้พวกนมและน้ำผลไม้ ส่วนชา กาแฟ ต่างๆ ก็สั่งเพิ่มที่พนักงานได้
Scribe
สไครบ์ บาร์เครื่องดื่มแบบร่วมสมัยในสไตล์โคโลเนียลที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงแรมบริเวณอาคารดั้งเดิมของ FCC Angkor ตกแต่งด้วยวัสดุทองแดง ไม้ และหินทราย ช่วงเย็นบรรยากาศดีมาก เพราะตัวอาคารของทางโรงแรมเปิดไฟดูสว่างไสวน่าเข้ามาใช้บริการจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันก่อนขึ้นไปทานข้าวที่ห้องอาหารเดอะ แมนชั่น ให้อารมณ์คล้ายกับว่าเราเป็นดั่งนักสื่อสารมวลชนจากสโมสรผู้สื่อข่าวที่มานั่งล้อมวงสนทนาประเด็นข่าวที่น่าสนใจกันคู่กับเครื่องดื่มในยามเย็น
ส่วนพวกเครื่องดื่มก็มีทั้งคราฟเบียร์ ไปจนถึง Mocktail และ Signature Cocktail ไม่ว่าจะเป็น Front Line ที่นำส่วนผสมของพริกไทยกัมปอตของอาหารกัมพูชามาผสมผสานอย่างลงตัวกับว้อดก้า เสาวรส มะนาว ไข่ขาวและไซรัปวนิลลา หรือจะเป็น Colonial Fare จากเหล้าสับปะรดหมัก (tepache) เหล้ารัม และไข่ขาว ที่ให้รสสัมผัสสดชื่น
Pool Bar
พูลบาร์ริมสระร้านเล็กๆ ที่เรียกว่าพนักงานจะออกมารับเครื่องแบบ On Request เฉพาะเวลามีลูกค้าสั่งเครื่องดื่มเท่านั้น เมนูส่วนใหญ่ก็มาจากของห้องอาหารเดอะ แมนชั่น นั่นแหละ ซึ่งหนึ่งในเมนูไฮไลท์ที่อยากแนะนำคือชุด Afternoon Tea ที่ทางโรงแรมสามารถให้บริการที่ไหนก็ได้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ เพราะตัวโรงแรมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก อยากสั่งไปทานที่ห้องอาหาร ในห้องนอน หรือริมสระ ทางโรงแรมก็ยินดีให้บริการได้ทั้งหมด อย่างเราก็ขอสั่งมาทานบริเวณริมสระที่บรรยากาศร่มรื่นน่าพักผ่อน
ในชุดน้ำชายามบ่ายจะมีทั้งเมนูอาหารคาว หวาน โดยอาหารคาวจะมีผสมทั้งแซนวิสและของว่างแบบเขมร ส่วนพวกเมนูของหวานจะเป็นแบบฝรั่งแทบทั้งหมด ทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วสดชื่น ดับความร้อนของอากาศที่เสียมราฐได้ดีมากๆ
บทสรุปของโรงแรมเอฟซีซี อังกอร์ บาย อวานี (FCC Angkor by Avani) คือโรงแรมที่เพรียบพร้อมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของสถานที่ตั้งที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของเสียมเรียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ที่ครบครันตามแบบฉบับของโรงแรมเชน รวมถึงตั้งอยู่ใน Location ที่ดีของเมืองง่ายต่อการเดินทางไปไหนมาไหนทั้งที่กินที่เที่ยว (เรียก Grab ไปที่ต่างๆแป๊ปเดียวก็ถึง) ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนที่เดินทางมาเที่ยวเสียมเรียบ และเป็นโรงแรมระดับอัพสเกลที่คุ้มค่าคุ้มราคาเหมาะสมกับเงินที่จ่าย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คู่ควรสำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักดีๆ ในเสียมเรียบจริงๆ
จองห้องพัก FCC Angkor by Avani ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda
See Angkor Wat and Die
ไม่เกินเลยจริงๆกับคำกล่าวที่ว่านี้ เพราะถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และมรกดโลกที่สำคัญของเมืองเสียมเรียบ หรือเสียมราฐ เลยจริงๆ กับที่เที่ยวอย่างนครวัด (Angkor Wat) นครธม (Angkor Thom) และปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) ที่ต้องยอมรับในความน่าทึ่งของขนาดที่ใหญ่โตอลังการ แถมยังเดินทางมาเที่ยวได้ง่ายๆ เพราะใช้เวลานั่งเครื่องบินเพียงแค่ 1 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เท่านั้น ใช้เวลาเดินทางใกล้กว่าการบินไปเที่ยวในประเทศอย่างที่ภูเก็ตหรือเชียงใหม่อีก (มาทางรถบัสวิ่งผ่านจังหวัดสระแก้วเข้าปอยเปตก็ได้เช่นกันนะ)
จึงไม่แปลใจเลยว่าทำไมเมืองแห่งนี้ถึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เพราะเดินทางสะดวกสบาย มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ รวมถึงยังครบทั้งที่พักดีๆ ที่กิน ที่เที่ยว ร้านอาหาร ผับบาร์ ซึ่งทุกอย่างล้วนตั้งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ไปไหนมาไหนใช้เวลาเดินทางแค่แป๊ปเดียว รถไม่ติด
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานประวัติศาสตร์ Angkor Archaeological Park
ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ Angkor Archaeological Park นั้นมีปราสาทหินที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของขแมร์ หรือเขมรโบราณ อยู่หลากหลายแห่งด้วยกัน แต่สำหรับที่เที่ยวหลักๆ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคงไม่พ้น 3 แห่งที่จะขอยกมากล่าวถึงนี้ คือ
นครวัด ถือเป็นไฮไลท์หลักของการมาเที่ยวเสียมเรียบเลยก็ว่าได้ เพราะถือเป็นศาสนสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยพื้นที่ขนาด 1.6 ตารางกิโลเมตร สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาเที่ยวชมนครวัดเรามามีอยู่ 2 ช่วงเวลาด้วยกันคือ เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อมาชมแสงแรงของวันเหนือปราสาทสะท้อนกับผิวน้ำในบึงภายในพื้นที่ปราสาท และอีกช่วงคือในช่วงบ่ายที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปในทิศทางหลักของคนที่มาชมปราสาทพอดี จะได้ถ่ายภาพสวยๆ ไม่ย้อนแสงแบบในช่วงเช้า
นครธม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากนครวัดเท่าไหร่นัก ถือเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายอันยิ่งใหญ่ของอนาจักรเขมรโบราณ ด้วยพื้นที่ขนาด 9 ตารางกิโลเมตร โดยมีปราสาทบายนตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมือง และมีประตูเมืองที่ใช้เป็นทางเข้าตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้รับการก่อสร้างขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ถือเป็นมหาราชองค์สุดท้ายของอนาจักรขแมร์โบราณ โดยปราสาทบายนนั้นจะมีจุดเด่นคือใบหน้าปรากฎอยู่ที่ยอดต่างๆ ของตัวปราสาท ที่ว่ากันว่าเป็นใบหน้าและรอยยิ้มแห่งบายน หรือก็คือรอยยิ้มของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ปราสาทตาพรหม เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีชื่อเสียงในระดับโลกจากการปรากฎอยู่ในฉากของภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง Tomb Raider เวอร์ชั่น Angelina Jolie ที่เป็นภาพของปราสาทหินโบราณ มีต้นไม้เลื้อยขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมตัวปราสาท ดูสวยงามน่าค้นหา
การซื้อบัตรเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ Angkor Archaeological Park
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ Angkor Archaeological Park ได้ที่ Angkor Ticket Office ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางที่จะเดินทางไปชมนครวัด หรือซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ได้ที่ www.angkorenterprise.gov.kh โดยตัวอุทยานนั้นจะเปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 05:00 - 17:30 น.
สำหรับการไปซื้อที่ Angkor Ticket Office จะเปิดจำหน่ายบัตรแบบวันต่อวันเท่านั้นตั้งแต่เวลา 04:30 - 17:30 น. โดยการซื้อบัตรหลังเวลา 17:00 น. ของแต่ละวันเป็นต้นไปจะสามารถนำบัตรไปใช้งานในวันรุ่งขึ้นได้เต็มวัน รวมถึงไม่สามารถซื้อล่วงหน้าได้ และเราจะต้องไปด้วยตัวเองเพื่อถ่ายภาพปริ้นหน้าของเราลงไปบนตั๋วด้วย (แต่ถ้าซื้อผ่านทางเอเจ้นทัวร์ที่เราใช้บริการ เค้าจะขอรูปเราไปเพื่อนำไปซื้อตั๋วให้แทนได้) รับทั้งเงินสด (ดอลล่าร์สหรัฐ เรียลกัมพูชา บาท และยูโร) และบัตรเครดิต มีตั๋วทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกันคือ
1-day pass ราคา $ 37 ดอลล่าร์สหรัฐ
3-day pass ราคา $ 62 ดอลล่าร์สหรัฐ (ใช้ได้ภายใน 10 วัน)
7-day pass ราคา $ 72 ดอลล่าร์สหรัฐ (ใช้ได้ภายใน 1 เดือน)
Trip to Siem Reap
การมาเที่ยวเสียมเรียบสำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยอย่างเรานั้น หากไม่ได้จะเน้นเจาะลึกประวัติศาสตร์ชมปราสาทครบทุกแห่งแบบละเอียดยิปจริงๆ เน้นแค่ที่เที่ยวหลักๆ และ Enjoy ที่กินที่เที่ยวในตัวเมือง สามารถทำทริปแบบช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ยังได้ ลางาน 1-2 วัน รวมวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เพียงพอ เพราะใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น แถมไฟล์จากประเทศไทยก็มีให้เลือกหลากหลาย อย่างขามาบินไฟลท์เช้า ขากลับบินไฟลท์เย็น ได้อยู่เที่ยวเสียมเรียบเต็มๆ คือจัดทริปแบบ 3วัน2คืน หรือ 4วัน3คืน (แนะนำ) ก็สามารถมาเที่ยวได้แบบสบายๆเลย มีเที่ยวบินตรงทั้งจากกรุงเทพฯ ทั้งสายการบินแอร์เอเชีย (ดอนเมือง) และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (สุวรรณภูมิ)
Comments