รีวิวนั่ง Glacier Express หนึ่งในเส้นทางรถไฟชมวิวสาย Romantic Train ที่สวยที่สุดในโลกที่สวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) พร้อมวิธีการจองตั๋วด้วยบัตร Eurail หรือ Swiss Pass
สัมผัสประสบการณ์ Once in a Lifetime กับหนึ่งในเส้นทางรถไฟชมวิวสาย Romantic Train ที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในโลก และยังพ่วงตำแหน่ง "The slowest express train in the world" ในฐานะรถด่วน (Express Train) ขบวนที่ช้าที่สุดในโลกอีกด้วย เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆ ถ้าอยากรู้ว่ารถไฟสาย Glacier Express (กลาเซียร์เอ็คส์เพร็ส) นั้นจะสวยงามน่าไปเที่ยวแค่ไหน ตามไปชมรวมถึงเรียนรู้วิธีการจองตั๋วรถไฟกับบัตร Eurail Global Pass หรือ Swiss Travel Pass ไปพร้อมๆ กันได้ในรีวิวนี้ได้เลย
ใครที่มาเที่ยวประเทศสวิสเซอร์แลนด์ บอกเลยว่าห้ามพลาด Glacier Express จริงๆ กับหนึ่งในรถไฟชมวิวที่ได้ชื่อว่าให้บริการในเส้นทางที่สวยที่สุด และเป็นรถขบวนด่วนที่ช้าที่สุดในโลกในคราวเดียวกัน โดยรถไฟชมวิวขบวนพิเศษสายนี้ให้บริการในเส้นทางระหว่างเมือง Zermatt - St.Moritz/Davos (ทั้งไปและกลับ) ซึ่งเป็นสองเมืองตากอากาศชื่อดังของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ภายในรถไฟมีกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่เหมาะสำหรับการชมวิว โดยระหว่างเส้นทางรถไฟก็จะวิ่งช้าๆ ลัดเลาะผ่านวิวสวยๆ ของเทือกเขาแอลป์ (Swiss Alps) ที่รวมแล้วใช้ระยะเวลาเดินทางทั้งหมดราว 8 ชั่งโมงด้วยกัน เรียกว่าออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ากว่าจะถึงที่หมายก็เย็นพอดี
ส่วนการใช้บริการนั้น จริงๆแล้ว Glacier Express ก็ให้บริการคล้ายๆ กับรถไฟอื่นๆ ทั่วไปนี่แหละ คือเราไม่จำเป็นต้องนั่งยาวตลอดสายจนครบ 8 ชั่วโมงก็ได้ แต่สามารถเลือกขึ้นลงในเส้นทางให้บริการได้ตลอดตามแผนการเดินทางที่เราเองสะดวก เช่น อย่างของเราพักกันอยู่ที่เมือง Interlaken พอจะมาขึ้น Glacier Express ก็ไปดักขึ้นกลางทางจากเมือง Brig ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด และไปลงที่เมือง Chur ซึ่งใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงเท่านั้น โดยตารางการเดินทางจะมีแบ่งเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ
Winter Schedule (10 Dec - 12 May) ให้บริการ 2 ขบวนต่อวัน
Summer Schedule (13 May - 14 Oct) ให้บริการ 4 ขบวนต่อวัน
และจะปิดให้บริการเพื่อซ่อมบำรุงในช่วงฤดูหนาว ระหว่าง 15 Oct - 9 Dec ซึ่งเป็นช่วงที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งในสวิสเซอร์แลนด์ปิดให้บริการ ดังนั้น ใครจะไปใช้บริการอย่าลืมตรวจสอบตารางการเดินรถไฟกันให้ดีซะก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้ ที่นี่
วิธีการจองตั๋วรถไฟ Glacier Express
สำหรับการจองตั๋วบัตรโดยสารรถไฟ Glacier Express นั้น มีได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ทั้งวิธีการซื้อโดยตรง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเราๆ เชื่อว่าส่วนใหญ่ไปเที่ยวยุโรปคงจะซื้อตั๋วรถไฟแบบพวก Eurail Global Pass หรือ Swiss Travel Pass กันเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งข้อดีคือ พวกตั๋วประเภทดังกล่าวสามารถใช้โดยสารรถไฟชมวิวขบวนพิเศษอย่าง Glacier Express ได้ด้วย อย่างเราเองก็ใช้บัตร Eurail Global Pass ที่ซื้อกับ Klook (คลิ๊กเลย) สะดวกใช้งานง่าย จองผ่านแอปทุกอย่างจบในแอปมือถือได้เลย ซื้อง่าย ราคาดี มีความน่าเชื่อถือ แถมบางช่วงมีส่วนลดเพิ่มด้วยน
แต่อย่างที่บอก เนื่องจากรถไฟขบวนนี้ถือเป็นรถไฟชมวิวขบวนพิเศษ ไม่ใช่แค่เพียงมีตั๋ว Eurai แล้วก็จะสามารถโดยสารได้เลยเหมือนกับพวกรถไฟระหว่างเมืองขบวนอื่นๆ เท่านั้น แต่ว่าเราจะต้องทำการจองที่นั่ง หรือ Seat Reservation เพิ่มเติมสำหรับรถไฟขบวนนี้ซะก่อน เพื่อเป็นการยืนยันที่นั่งในขบวน โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย สามารถทำได้ทั้งจากบนเว็บไซต์ Eurail.com (เว็บกลางของ Eurail Pass) หรือ Glacierexpress.ch (เว็บของรถไฟสาย Glacier Express) ซึ่งเราแนะนำให้ทำในเว็บของ Glacier Express เองเลย เนื่องจากจะสามารถดูที่นั่งว่างหรือเลือกที่นั่งที่ต้องการได้ และแนะนำให้ทำเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเลย เพราะรถไฟขบวนนี้เต็มเร็วมาก ฮอตฮิตสุดๆ ถึงยังไม่มี Eurail หรือ Swiss Pass ก็เข้าไปจองและจ่ายเงินเพื่อล็อกที่นั่งเอาไว้ก่อนได้
อ่านวิธีการใช้งาน Eurail Global Pass ได้ ที่นี่
ส่วนวิธีการจอง Glacier Express นั้นก็ง่ายมาก มี 2 ส่วนหลักๆ ที่ต้องทำด้วยกันสำหรับคนที่ใช้ Pass ประเภทต่างๆ คือ
ทำการจองตั๋วรถไฟ กับ Pass ที่เราซื้อเอาไว้ เช่น Eurail ก็ไปทำการจองตั๋วในแอป Rail Planer เลือกวัน เวลา และขบวนที่ต้องการเดินทางได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทำการสำรองที่นั่ง (Seat Reservation) กับเว็บ Glacierexpress.ch เลือกวัน เวลา และขบวนที่ต้องการเดินทาง โดยก่อนชำระเงิน อย่าลืมเลือก Pass ที่เราใช้ในหัวข้อ Reduction จากนั้นระบบจะหักค่าตั๋วออกไปเหลือ 0 CHF และเหลือไว้แค่เพียงค่าสำรองที่นั่งเท่านั้น โดยชำระค่าใช้จ่ายได้ผ่านการตัดบัตรเครดิต จากนั้นระบบจะส่งเอกสาร PDF ยืนยันการสำรองที่นั่งมาให้ทางอีเมล์
สำหรับขั้นตอนการทำ Seat Reservation นั้นสามารถทำได้ทันทีแม้ยังไม่ได้ซื้อบัตร Eurail หรือ Swiss Pass เพราะถ้าแผนการเดินทางของเรานิ่งแล้วแนะนำให้รีบทำสำรองที่นั่งเอาไว้เลยแต่เนิ่นๆ เนื่องจากรถไฟขบวนดังกล่าวเต็มเร็วมาก ไปรอทำใกล้ๆ บางทีที่นั่งเต็ม จะกลายเป็นอดเดินทางเสียเปล่าๆ ส่วนการขึ้นรถไฟเราก็จะต้องแสดงเอกสารทั้ง 2 อย่างข้างบนให้กับนายตรวจดู
Meals Onboard
แน่นอนว่าการเดินทางบนรถไฟชมวิวที่ใช้ระยะเวลายาวนานแบบนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องอาหารการกินไปไม่ได้ แต่อย่างที่รู้กันว่าค่าครองชีพในสวิสเซอร์แลนด์นั้นสูงเหลือเกิน ทานข้าวทีแต่ละมื้อคิดเงินไทยแล้วเป็นหลักพันบาทเลยทีเดียว ยิ่งถ้ามาทานบนรถไฟแบบนี้ด้วยแล้วแน่นอนว่าราคายิ่งสูงขึ้นไปอีก
แต่ยังไงก็ตาม การได้ทานอาหารพร้อมนั่งชมวิวสวยๆ ไปด้วยบนรถไฟมันคือประสบการณ์ที่ดีจริงๆ นะ สำหรับใครที่เดินทางหลายชั่วโมงมากๆ เราว่าถ้าแพลนดีๆ ก็สามารถช่วยเซฟเงินได้พอสมควรเหมือนกัน คือแนะนำให้พกอาหารเครื่องดื่ม ขนมนมเนยสำหรับทานเล่นระหว่างทางติดตัวมาด้วยในระดับหนึ่ง นั่งนานๆ แบบนี้มีหิวกันแน่นอน ซึ่งเค้าอนุญาตให้เอามาทานเองได้ อย่างเราเห็นเพื่อนร่วมทางหลายท่านเลยที่ก็พกมาทานกันเองเช่นกัน
อย่างของเราทริปนี้ก็ถือว่าโชคดีในระดับหนึ่ง เพราะตอนจองรถไฟคือแทบจะเต็มอยู่แล้ว แต่พอวันเดินทางจริงๆ ปรากฎว่าเพื่อนร่วมทางที่จะต้องแชร์โต๊ะกับเราอีกสองคนไม่มา ก็เลยกลายเป็นว่าเราได้เหมา 4 ที่ไปเลยสบายๆ (โต๊ะนึงนั่งได้ 4 คน และบนรถไฟขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียง สามารถสั่งอาหารมาทานตรงนั้นได้เลย)
สำหรับการสั่งอาหารทำได้ 2 แบบด้วยกัน คือ สั่งล่วงหน้าออนไลน์ตั้งแต่ตอนทำจองที่นั่ง แต่เราไม่แนะนำ เพราะราคาก็เท่าๆ กันนั้นแหละ เกิดเปลี่ยนแผนกระทันหันไม่ได้เดินทางจะกลายเป็นเสียเงินฟรีไปเปล่าๆ เลยแนะนำให้มาสั่งอาหารที่หน้างานได้เลย เมนูมีวางรอเอาไว้ให้อยู่แล้ว และเดี๋ยวก็จะมีบริกรเดินมาถามเมนู พร้อมจัดการปูผ้าจัดโต๊ะให้พร้อมรับประทาน ส่วนการชำระเงิน เลือกได้ทั้งแบบเงินสด และบัตรเครดิต หรือพวกบัตร Multi-Currency Wallet เจ้าต่างๆ ของไทยก็รับนะ สะดวกมาก
ตรวจสอบเมนูอาหารบนรถไฟได้ ที่นี่
Glacier Express คือหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่คู่ควรแก่การมาเยือนจริงๆ สวยสมตำแหน่งเส้นทางรถไฟที่สวยงามที่สุดในโลก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็วิวทิวทัศน์สวยตลอดทาง วิ่งผ่านตั้งแต่ อุโมงค์ สะพาน เมือง ชนบท ทุ่งหญ้า แม่น้ำ และภูเขาหิมะ คือมีครบทุกองค์ประกอบความสวยงามของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ให้ได้ชมกันตลอดแนว เอาเป็นว่าถ้าใครได้มาเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์แล้วละก็ ควรรวมเอารถไฟสายนี้เป็นหนึ่งในลิสต์ท่องเที่ยวเอาไว้ด้วยเลย 1 วันเต็มๆ รับรอบว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ประทับใจในแบบ Once in a Lifetime แน่นอน
