top of page
  • รูปภาพนักเขียนOn The Jet Plane

ตุรกีนี่นี้สวยจนต้องตะลึง กับ 15 ที่เที่ยวที่ต้องไปตามรอย



15 ที่เที่ยวตุรกีที่ต้องไปตามรอย


ตุรกี ดินแดนแห่งอารยธรรมกรีก-โรมันที่น่าสนใจ และยังไม่ต้องใช้วีซ่า แม้แต่ตอนนี้ที่หลายประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่ตุรกีเปิดให้นักเดินทางชาวไทยจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีกันแล้ว ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม > ได้ที่นี่ ถ้าพร้อมแล้วอย่าพลาด ไปจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกี กับTraveloka กันดีกว่า นอกจากจะเดินทางไปตุรกีได้ไม่ยากแล้ว ตุรกีเองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เอาไว้คอยดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่ช้อปปิ้ง หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆของตุรกีก็ยังมีความแปลกแตกต่าง จนเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่จะทำให้เราตกหลุมรักประเทศนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น วันนี้เรามี 15 แลนด์มาร์คของตุรกีที่สวยสะกดใจมากฝากกัน รับประกันเลยว่าเพื่อนๆจะหลงใหลและตกหลุมรักตุรกีแบบหัวปักหัวปำชนิดที่ไม่เหนื่อยล้ากับการเดินทางกว่า 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว


ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีกับ Traveloka >> https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-turkey



1. มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque)


เริ่มต้นกันด้วยมัสยิดสุลต่านอาเหม็ดหรือมัสยิดสีน้ำเงินในอิสตันบูล เป็นแลนด์มาร์คของประเทศที่มีความใหญ่โตสวยงามเหมือนปราสาทของเจ้าหญิงจัสมิน เมื่อเราเข้าไปด้านในจะพบกับการตกแต่งมัสยิดด้วยกระเบื้องและกระจกโทนสีฟ้าน้ำเงินทั่วทั้งหมดความ แถมโคมไฟระย้าทุกชิ้นถูกสั่งทำมือจากช่างฝีมือเยี่ยม มีชิ้นเดียวในโลก หากเราจะเข้าไปเยี่ยมชมมัสยิดแห่งนี้ เราต้องแต่งตัวให้สุภาพ โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีผ้าฮิญาบให้เราใช้คลุมผมและไหล่เข้าไป


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/KpeSf15BTEDQhMuWA



2. จัตุรัสสุลต่านอาเหม็ด (Sultanahmet Square)


แต่เดิมจัตุรัสสุลต่านอาเหม็ดถูกใช้เป็นจุดนัดหมายของชาวเมืองเพื่อพบปะสังสรรค์ ปัจจุบันยังพอมีร้านรวงขายชาตุรกีและยาสูบชิชาไว้ให้บริการและซึมซับบรรยากาศเก่าๆ นอกจากนี้จัตุรัสสุลต่านอาเหม็ดยังมีเสา Serpent Column ซึ่งเป็นเสาหินอ่อนสลักสวยงามตั้งตระหง่านโดดเด่น เป็นสัญลักษณ์ของการก่อสร้างเมืองให้เราได้ไปถ่ายรูปคู่อีกด้วย


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/PXwoS11SiAdVHpex7



3. พระราชวังโทพคาปี


เพียงแค่ได้เห็นปากทางเข้าที่เหมือนกับพระราชวังในเทพนิยาย เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้สึกตื่นเต้นและใจสั่นกับปราสาทแห่งนี้ พระราชวังโทพคาปีนั้นเป็นอีกหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันที่ผ่านการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัดจนทำให้มีสภาพที่สวยงามสมบูรณ์ ด้านในพระราชวังโทพคาปีถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวการก่อตั้งนครอิสตันบูลและความยิ่งใหญ่ของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมันที่สามารถพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของชนชาติตุรกีที่พระราชวังโทพคาปีแห่งนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม




4. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)


เคยได้ยินคำว่า “เราสามารถเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาติได้จากอาหารที่เขากิน” กันหรือไม่? ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเรียนรู้และเข้าถึงมนต์เสน่ห์ของประเทศตุรกีด้วยการเดินตลาดแกรนด์บาซาร์ ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ เมื่อครั้งสมัยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมันขึ้นครองราชย์ พระองค์ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยไวที่สุด เลยสั่งให้มีการจัดสร้างตลาดแกรนด์บาซาร์ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนสินค้าจากนานาประเทศ แม้ว่าตลาดแกรนด์บาซาร์ ในปัจจุบันจะเปลี่ยนมาขายเฉพาะสินค้าพื้นเมืองแล้ว แต่เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ดึงดูดและสนใจของนักท่องเที่ยวมากมาย เราสามารถเดินเล่น ชื่นชมงานศิลปะพื้นเมือง หรือแม้กระทั่งชิมอาหารและขนมพื้นเมือง เช่น ตุรกีดีไลท์ ขนมหวานจากตุรกีได้ที่ตลาดแห่งนี้ด้วย


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/gt5joEVSQZQRzvYu7



5. สุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sophia)


มาเมืองแขกการท่องเที่ยวแวะชมมัสยิดและสุเหร่าก็จะเยอะๆ หน่อย สุเหร่าโซเฟียหรือฮากาโซเฟียนั้นถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากขนาดที่ยิ่งใหญ่จนน่าตกใจแล้ว สุเหร่าโซเฟียยังมีเป็นสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับโบราณสถานอื่นๆ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่า แต่ด้านในเราจะได้เห็นร่องรอยของศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะเป็นห้องสวดมนต์ที่สลักด้วยหินอ่อนสวยงามและกระจกสีสันสดใส สาเหตุเพราะก่อนหน้าที่จะมาเป็นสุเหร่าโซเฟีย ที่นี่เคยเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์มาก่อนนั่นเอง




6. พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace)


พระราชวังโดลมาบาเช พระราชวังฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานถึง 6 รัชสมัย ด้านในประกอบไปด้วยห้องพักเกือบ 300 ห้อง ห้องโถงอีก 46 ห้อง ยังไม่รวมถึงห้องน้ำและห้องอาบน้ำอีกเพียบที่มีอยู่มากมายทั่วทั้งพระราชวัง พระราชวังโดลมาบาเชนั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้บางส่วน เราสามารถเที่ยวชมสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค, โรโกโก นีโอคลาสสิค และออตโตมันที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะได้ที่พระราชวังแห่งนี้เพียงที่เดียว พระราชวังโดลมาบาเชยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชม 3,000 คนต่อวันอีกด้วย เรียกได้ว่าเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/CuEW5UARw3ZcMYtp8



7. ปามุคคาเล (Pamukkale)


หากเราลองเสิร์ชหาที่เที่ยวในตุรกี รับประกันได้เลยว่ารูปปามุคคาเลจะเด้งขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ปามุคคาเลหรือปราสาทปุยฝ้ายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ที่มีลักษณ์เป็นแอ่งกระทะตัดรับกันได้ดีกับน้ำแร่สีฟ้า ถึงแม้ว่าการเดินทางไปเยี่ยมชมปามุคคาเลนั้นจะยากอยู่สักหน่อย แต่เมื่อได้เห็นความสวยงามชวนฝันตรงหน้า เรารับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะมันช่างคุ้มค่าจริงๆ




8. นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis)


นอกจากสุเหร่าและพระราชวังจะเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของประเทศตุรกีได้แล้ว ที่เที่ยวโบราณสถานก็ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของชนชาติกรีก - โรมันได้เป็นอย่างดี นครโบราณเฮียราโปลิสแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีที่ยังมีร่องรอยของสถาปัตยกรรมที่งดงามหลงเหลือไว้อย่างชัดเจนที่สุด เราสามารถเดินเที่ยวชมโรงอาบน้ำ วิหารบูชาเทพเจ้าอพอลโลได้ ไฮไลท์เด็ดของนครโบราณเฮียราโปลิสแห่งนี้ก็คือโรงละครที่สามารถจุผู้คนได้มากถึง 12,00 คนเลยทีเดียว




9. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air Museum)


ในอดีตพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่แห่งเมืองคัปปาโดเกียเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 9 และมีการขุดถ้ำเพื่อสร้างโบสถ์ ดังนั้นบ้านเรือนของที่นี่เลยมีความสวยแปลกตาและมีเอกลักษณ์ เพราะแต่เดิมพื้นที่แถบนี้มีลักษณะเป็นภูเขาทรายสูงใหญ่ที่ทั้งแห้งแล้งและหนาวเย็นจนชาวบ้านที่กำลังถูกกวาดล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยนั้นแข็งตายกันเป็นจำนวนมาก ทุกคนก็เลยตัดสินใจขุดโพรงจากภูเขาทรายนี้เพื่อทำเป็นบ้านและที่หลบภัยอยู่อาศัยมันซะเลย ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ก็ยังมีร่องรอยของการอยู่อาศัยให้เราได้เข้าไปชมกัน




10. เมืองใต้พิภพเดอรินกูยู (Derinkuyu)


สำรวจบ้านมนุษย์ถ้ำที่พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่กันเสร็จแล้ว ลองมาสำรวจนครใต้พิภพเดอรินกูยูกันบ้าง เดอรินยูกูนั้นไม่ได้เป็นเพียงเซฟเฮ้าส์ใต้ดินหลังเล็กๆ อย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันคือเมืองๆ หนึ่งที่มีทั้งบ้านคน ร้านอาหาร และแม้แต่ห้องเรียน เมื่อสมัยยุคล่าอาณานิคม ประชาชนจำต้องหนีตายและหาทางเอาตัวรอด การทำบ้านใต้ดินอยู่นั้นจึงเป็นอีกหนึ่งทางรอดที่แสนฉลาด และเป็นความประทับใจที่เราสามารถไปเยี่ยมชมกันได้ด้วย


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/7KJbetquTfhoMEVX9



11. คัปปาโดเกีย (Cappadocia)


อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถ้าพลาดแล้วจะต้องเสียดายมากก็คือการขึ้นบอลลูนชมพระอาทิตย์ขึ้นที่คัปปาโดเกีย เมื่อได้เห็นพระอาทิตย์ทอแสงสีทองเรืองรองไปทั่วภูเขาทรายเบื้องล่าง เข้ากันได้ดีกับฝูงบอลลูนหลากหลายสีสัน สุดลูกหูลูกตาทั่วทั้ง 360 องศา จะทำให้เราตื่นตาตื่นใจจนเพื่อนจะต้องให้อภัยกับการตื่นเช้าเลยทีเดียว บริการเช่าบอลลูนนั้น จะขายเป็นแพ็คเก็จ มีบริการรถรับ - ส่งและอาหารเช้าให้ โดยสามารถติดต่อผ่านที่พักได้เลย




12. ตลาดเครื่องเทศ (Spice Market)


หากเพื่อนๆ คนไหนเป็นสายช้อปปิ้ง สายของฝากยิ่งจะต้องชื่นชอบที่นี่แน่ๆ ตลาดเครื่องเทศ หรือ Spice Market เป็นย่านการค้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดที่บรรยากาศสวยงามในอิสตัลบูล เราจะได้เพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้เครื่องเทศนานาชนิดสีสันจัดจ้านสวยงาม อีกทั้งยังมีพวกชาสมุนไพร ผลไม้พื้นเมืองอบแห้งและถั่วพิชตาชิโอไว้ให้เราได้แวะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นของฝากกันด้วย


ที่อยู่ : https://goo.gl/maps/wtA5i3FqU8xx61DZA



13. ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosporus)


นชื่อว่าดินแดนสองทวีปแล้ว เราก็ควรไปให้เห็นกับตาถึงต้นตอของชื่อเสียงนี้ ช่องแคบบอสฟอรัส มีความยาวประมาณ 30 กม. คั่นกลางระหว่างตุรกีฝั่งยุโรปและเอเชีย มีเรือล่องชมแม่น้ำแห่งนี้ไว้คอยให้บริการ มีตั๋วทั้งแบบไป-กลับวันเดย์ทริป และตั๋วเที่ยวเดียวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามไปนอนที่เมืองอื่นๆ ตลอดระยะทาง 30 กม. เราสามารถนั่งชิลๆ ชมวิวและสถาปัตยกรรมที่สวยงามของอาคารบ้านเรือนต่างๆได้ ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ




14. เมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus)


เมืองโบราณเอเฟซุสนั้นสะท้อนความรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ในยุคกรีก-โรมันได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามหานครแห่งนี้จะผุพังทลายไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็เราก็สามารถเห็นร่องรอยของความสวยงามและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดเซลซุส โรงละครเอเฟซุสที่สามารถจุคนได้ 30,000 คน และเป็นโรงละครกลางแจ้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโรงละครโบราณในตุรกีอีกด้วย




15. ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan Horse)


หากมาเที่ยวที่ตุรกีแล้วไม่แวะไปเยี่ยมชมม้าไม้เมืองทรอยในตำนานก็ดูเหมือนว่าเราจะตามเก็บแลนด์มาร์คได้ไม่ครบ ม้าไม้เมืองทรอยหรือม้าไม้โทรจันนั้น นับเป็นสัญลักษณ์ของโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่ไม่มีวันสมหวังของเจ้าชายปารีสแห่งทรอยและเจ้าหญิงเฮเลนพระชายาของกษัตริย์แห่งเมืองสปาร์ตัน ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ม้าไม้เมืองทรอยในตำนานนั้นจะสิ้นสลายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่ก็ยังเหลือร่องรอยอารยธรรมของเมืองทรอยไว้ให้เราได้ไปเที่ยวกัน




เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับที่เที่ยวตุรกีที่เรานำมาฝากกัน แต่ละที่ทั้งสวย ทั้งเด็ด จนไม่อยากเชื่อเลยใช่มั๊ยว่าทั้งหมดนี้อยู่ที่ประเทศตุรกี บอกเลยว่าที่เราคัดมาให้นี้เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ลองไปเที่ยวตุรกีดูสักครั้งแล้วเพื่อนๆ จะตกหลุมรักที่นี่เหมือนกับเรา


ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีกับ Traveloka >> https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-turkey



ดู 1,571 ครั้ง
bottom of page