The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa, Phuket [รีวิว] โรงแรมเดอะ นาคาไอแลนด์ ภูเก็ต
- 8 เม.ย. 2562
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 8 ก.ค.

รีวิว The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa, Phuket โรงแรมเดอะ นาคาไอแลนด์, อะ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต
วันนี้ On The Jet Plane จะพาทุกท่านลัดฟ้าไปเที่ยวทะเลภูเก็ตกันอีกแล้ว แต่รอบนี้ตื่นเต้นมาก บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะเรากำลังจะไปกันที่เดอะ นาคาไอแลนด์, อะ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต อีกหนึ่งรีสอร์ทหรูที่ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่าดาราและเซเลปชื่อดังมากหมายหลายท่านที่แวะเวียนไปเช็คอินกันที่รีสอร์ทแห่งนี้ เพราะนอกจากจะมีความสวยงามและการบริการที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังได้ความเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าใครกำลังมองหาที่พักที่คนไม่พลุกพล่าน เน้นการมาพักผ่อนจริงๆ ไม่ว่าจะกับครอบครัว หรือคนรัก บอกเลยว่าห้ามพลาดรีวิวนี้
เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้ว เราก็ออกไปเที่ยวเดอะ นาคาไอแลนด์ ในรีวิวนี้ด้วยกันเลยดีกว่า ^^
จองห้องพักเดอะ นาคาไอแลนด์, อะ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต ราคาพิเศษได้ที่นี่
จองที่พักกับ The Naka Island (Marriott Bonvoy)
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda




การเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส ที่บินตรงจากสุวรรณภูมิมายังสนามบินนานาชาติภูเก็ต พร้อมบริการแบบครบจบแบบฟูลเซอร์วิส เรียกว่าบินสบายแบบบูทีคเหมาะกับทริปพักผ่อนในครั้งนี้จริงๆ
เมื่อลงถึงสนามบิน รับกระเป๋าเรียบร้อย เดินออกมายังประตูทางออก Domestic หมายเลข 1 ก็จะเห็นพนักงานของทางโรงแรมยืนถือป้าย The Naka Island พร้อมชื่อของเรารอรับอยู่ พร้อมกับนำเราเดินไปยังรถของโรงแรมที่เตรียมไว้บริการ โดยเราจะนั่งรถจากสนามบินประมาน 30 นาที ไปขึ้นเรือที่ท่าเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า (Ao Po Grand Marina) หลังจากนั้นเราใช้เวลานั่งเรือข้ามไปยังเกาะส่วนตัวของทางโรงแรมที่ใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

รถรับ-ส่ง ที่ให้บริการของทางโรงแรม ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามแพ็คเกจว่าต้องการรถรับส่งระดับใด

Go Go Go !!!!!!! นั่งเรือแปปเดียวเพียงแค่ 5 นาทีก็ถึงล้าวววว
ฟ้าสวย น้ำใส บรรยากาศบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน

นี่แหล่ะ สัญลักษณ์ของโรงแรมนี้

ตามธรรมเนียมของทางโรงแรม เมื่อแขกมาถึงทางพนักงานจะพาเรามาที่ฆ้องกันก่อนเป็นอย่างแรก โดยจะมีการตีฆ้อง 2 ครั้ง เพื่อเป็นแจ้งให้รู้ว่าแขกได้เดินทางมาถึงแล้วพร้อมกับให้อธิฐานขอพรในใจ และจะทำการตีอีก 1 ครั้ง ในวันที่เราเดินทางกลับ เพื่อขอให้สิ่งที่เราอธิฐานนั้นเป็นจริง เป็นความเชื่อของที่นี่นะจ๊ะ

ส่วนของ Welcome Sala ที่จะใช้ในการเช็คอินเมื่อมาถึง

บรรยากาศที่นั่งภายใน Welcome Sala

พวงมาลัยต้อนรับ และ Welcome drink น้ำมะพร้าว เย็นหอมสดชื่น ดื่มแล้วสดชื่นใจดี ระหว่างรอทำการเชคอิน ซึ่งเมื่อทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะพาเราไปทัวร์รอบโรงแรม ก่อนพาเข้าที่พักต่อไป


บรรยากาศโดยรอบของทางโรงแรมจะเน้นธรรมชาติเป็นหลัก เพราะไม่มีการทำลายต้นไม้หรือป่ายชายเลนที่อยู่รอบข้างเลย จากในแผนที่จะเห็นได้ว่ามีสีขียวค่อนข้างมาก เพราะทางโรงแรมยังคงอนุรักษ์และช่วยกันรักษาต้นไม้บริเวณเกาะนี้ จึงทำให้อากาศดี ร่มเย็น ตอนกลางคืนอาจจะมียุงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพักผ่อนของเรา อิอิ ^^

ห้องพักของเราในทริปนี้คือซีวิว พูลวิลล่า (Seaview Pool Villa) ที่บอกเลยว่าดีงามมากกกเด้ออออ ^^ ตื่นมาก็เห็นทะเล ดูแล้วชื่นใจ 55555 มีต้นไม้พอเป็นร่มเงาให้ห้องพัก (บางห้องอาจจะต้นไม้น้อย หรือเยอะขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นๆ เพราะอย่างที่บอก ที่นี่เค้าจะเน้นธรรมชาติเป็นหลัก) แต่วิวแบบนี้ก็ถือว่าฟินแล้วสำหรับทริปนี้
ห้องพักของที่นี่ส่วนใหญ่จะจัด layout เหมือนกันหมด กว้างกว่า 450 ตารางเมตร จะแตกต่างกันตรงวิวของห้องเป็นส่วนใหญ่ เช่น ห้อง Tropical Pool Villa จะเป็นวิวสวน หรือห้อง Beach Front Pool Villa ก็จะเป็นวิวทะเลติดชายหาดที่สามารถเดินลงไปเล่นน้ำได้เลย หรือบาง Villa ก็อาจจะไม่มีสระว่ายน้ำ เพื่อใช้เป็นห้อง Connect Room กับ Pool Villa อีกทีหนึ่งสำหรับแขกที่มาพักแบบครอบครัว
โดยส่วนของห้องพักและห้องน้ำจะตั้งแยกกันเป็นสัดส่วนชัดเจนซึ่งมีทางเดินเชื่อมภายในวิลล่า ช่วงหัวค่ำก็มีพนักงานมา turn down ห้องพักให้ ก็จะทำการจุดเทียนริมทางเดินที่ไปส่วนของห้องน้ำไว้ให้ด้วย ถ้านึกภาพไม่ออกก็ลองเลื่อนลงไปดูภาพได้เลยยยยย
ภายในห้องพักทุกประเภทมีสิ่งอำนวบความสะดวกให้ใช้งานทุกอย่างพร้อม กว่าจะได้ออกไปทานอาหารเช้าก็สายพอดี เพราะมัวแต่โอ้เอ้ ตื่นมานั่งอาบแดดที่ศาลา จิบกาแฟ ลงเล่นน้ำในสระ เกาะขอบสระชมวิวทะเล เดินมาแช่น้ำในอ่าง ขัดตัวสักนิด เป็นอันจบพิธีละ เดินไปอาบน้ำแต่งตัวได้จ้า ^____^ (เราสามารถเดินรอบห้องพักได้เป็นวงกลมเลย) หนุ่มสาวคู่ไหนที่มาสวีท หรือครอบครัวที่มาพักผ่อน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

โต๊ะอ่านหนังสือก็มีให้เป็นหลุมเว้าลงไปให้นั่งห้อยขา

เตียงนอนนุ่มสบาย ตื่นมาเห็นวิวทะเล พร้อมโซฟ้าไว้นั่งเล่น

ศาลาหน้าห้องนอน มานั่งรับลมก่อนลงสระได้ชิลๆ หรือจะนอนอาบแดดที่เตียงก็ได้จ้า

ด้านหน้าของห้องพัก ด้านหลังเราก็ต้นไม้ไง๊ !!!!

นุ้งงงงงงงง น่ารักมะ ^^ ในวันที่เราไม่อยากให้ใครรบกวนเวลาพักผ่อนก็ให้ตั้งตุ๊กตาหินด้านหน้าห้องให้หันด้านที่หลับตาออก หากใครต้องการให้แม่บ้านเข้ามาทำความสำอาดได้ก็ให้หันด้านลืมตาออก (ตุ๊กตาหินที่ตั้งหน้าห้อง เราสามารถซื้อกลับได้ด้วยนะประมาน 1,000 บาท เผื่อใครอยากเก็บสะสมเป็นของที่ระลึก)




ตื่นเช้ามาเห็นวิวนี้เลย สวยมว๊ากกกกก


ส่วนของมินิบาร์ มีทั้งเครื่องทำกาแฟ ชา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขนมต่างๆ จัดเตรียมไว้ให้พร้อม

เดินไปส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำ

อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำจัดเตรียมเรียบร้อย พนักงานดูแลอย่างดี ขาดอะไรไปบอกได้เลย

THANN ก็มาน้าาาาาาาาาาา ส่วนของใช้ต่างๆก็คุณภาพดีมาก

รองเท้าแตะ จัดเตรียมไว้ให้สำหรับใส่เดินเล่นชายหาด

พื้นที่ส่วนของห้องน้ำ

อ่างก็มีน้า น่าแช่ไหมมมมมม ^^ เปิดม่านบังตาออกเห็นวิวทะเลด้วย

อ่างน้ำขนาดใหญ่ นอนแช่สบายมาก ส่วนของห้องอาบน้ำ (Rain shower) นอกจากจะใช้อาบน้ำได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นห้องสตรีมอบใอน้ำได้อีกด้วย

วิวห้องพักแบบ Sunset นะจ๊ะ พระอาทิตย์ตกแล้วนอนชมวิวจากในห้องได้เลย (เป็นแนวห้องหมายเลข 4x - 6x)



ช่วงหัวค่ำพนักงานทำการ turn down ห้องให้เรียบร้อย เปิดไฟ ปิดม่าน นำมุ้งคลุมเตียงนอนลง พร้อมจุดเทียนระหว่างทางเดิน

ต่อไปมาดูส่วนของห้องพักแบบอื่นๆ กันบ้างดีกว่า โดยขอเริ่มต้นกันที่ห้องแบบ Beach Front Pool Villa ที่เลย์เอ้าท์และฟังชั้นการใช้งานแทบจะเหมือนกันเกือบทั้งหมด ส่วนความแตกต่างคือสถานที่ตั้งที่อยู่ติดชายหาด สามารถเดินลงทะเลไปเล่นน้ำได้เลย และนอกจากนั้นภายในห้องพักยังมีห้องซาวน่าส่วนตัวเพิ่มมาให้ด้วยอีกอย่าง

วิวทะเลแบบติดชายหาด

น้ำทะเลหน้าห้องใสมว๊ากกกก

ห้องซาวน่าส่วนตัวภายในวิลล่า

ต่อมาคือห้องพักแบบ Tropical Pool Villa ที่เหมือนกันหมดทุกอย่าง เพียงแค่ตั้งถัดเข้าจาก Seaview มาด้านในเป็นวิวสวนมีต้นไม้เขียวขจีแทน ซึ่งเรื่องของความส่วนตัวอาจจะเป็นรองนิดหน่อย เพราะว่าห้อง Seaview หรือ Beach Front จะหันหน้าออกทะเลเลยไม่มีใครมารบกวน แต่ห้อง Tropical อาจจะมีถนนตัดผ่านด้านหน้าห้องพัก (แต่ถนนจะอยู่ในระดับที่ต่ำว่า และยังมีแนวต้นไม้บัง) ซึ่งอาจมีแขกหรือรถกอล์ฟวิ่งผ่านได้


ภายในห้องน้ำจัดวางเหมือนกันทุกอย่าง

ต่อมาคือห้องพักแบบดีลักซ์ (Deluxe) ซึ่งตั้งแยกโซนออกมาอีกด้านหนึ่งติดกับสปาของทางโรงแรม แม้จะไม่ติดทะเล แต่ถือเป็นห้องเริ่มต้นของทางโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ดีมากถึง 46 ตารางเมตร เงียบสงบ และมีเพียงแค่ 13 ห้องเท่านั้น

ห้องพักแบบดีลักซ์ตั้งอยู่ติดส่วนของสปาที่ใช้ทางเข้าเดียวกัน

โทนสีแบบธรรมชาติด ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา

ประตูกั้นระหว่างห้องน้ำและห้องพัก

ห้องน้ำเป็นแบบ Rain shower


พื้นที่ส่วนกลางของทางโรงแรมกว้างขวางดีมาก โดยเฉพาะ Infinity Pool สระว่างน้ำหลักที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของทางโรงแรม ตั้งอยู่ติดกับชายหาด มีทั้งส่วนของสระใหญ่และสระเด็กไล่ระดับกัน ช่วงกลางวันและเย็นจะเป็นจุดรวมตัวของแขกโรงแรมที่มานอนอาบแดดเล่นน้ำริมชายหาด พร้อมมี Beach Bar ให้บริการเครื่องดื่มเย็นๆ ตลอดทั้งวัน แต่ถึงจะไม่ได้สั่งอะไร ทางโรงแรมก็จะนำน้ำดื่มเย็นๆ มาให้บริการแก่แขกอยู่แล้ว

มุมไฮไลท์ ใครมาก็ถ่ายกัน

จุดนี้ห้ามพลาด !!!! เพราะเวลาบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ของทุกๆ วันจะมีไอศครีมฟรีวันละ 2 รสชาติให้บริการ โดยมีไอศครีมกะทิเป็นเมนหลัก และมี sorbet ทั้งรสองุ่น มะม่วง ส้ม ฯ สลับกันไปในแต่ละวัน และก็แล้วแต่ฤดูกาล แต่บอกได้เลยว่า อร่อย ^____^ แดดร้อนๆ ได้ชิมรสองุ่นเข้าไป โอ้โหววว สดชื่นอะบอกเลย (อร่อยจนลืมถ่ายเลย ^3^)

พี่ที่บริการไอศครีมแสนน่ารัก อัธยาศัยดี ขอเบิ้ลก็ได้ว่า อิอิ :P

Happy Hour / Beach Bar ในช่วงเย็นริมสระน้ำใหญ่ เลือกสั่งเมนูได้ตามชอบ จิบแต่หัววัน ยาวไปปปปปป :D

ถัดมาเป็นสระว่ายน้ำรองของโรงแรม เงียบ สงบ ตั้งอยู่บริเวณสวน ซึ่งตรงนี้จะไม่ค่อยมีแขกเท่าไหร่ เพราะส่วนมากจะไปอยู่ริมทะเลหมด ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวมาเล่นน้ำที่ตรงนี้ได้เลย


พื้นที่ชายหาดหน้าสระว่ายน้ำหลัก หาดสวย น้ำใส น่ามาเล่นน้ำ

นอนอาบแดดตรงนี้ละ ดำเลยจ้าาาาาาาาาา !!

มุมพักผ่อนริมทะเลพร้อมเปลให้นอนพัก อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด โดยวันที่เราไปเราเห็นมีทีมงานมาถ่ายแบบกันด้วยนะ

มีเรือคายักมีให้บริการ ติดต่อพี่ที่ดูแลริมชายหาดได้เลย พายรอบเกาะเรานี่ละ มีบริเวณป่าชายเลนด้วย แต่เราไม่ได้พายไปดู
(บางกิจกรรมอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

กลางวันแดดร้อนถ้าไม่อยากเล่นน้ำกลัวดำ ย้ายมาเล่นสนุ๊กแทนก็ได้

พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว และอีกหนึ่งมุมไฮไลท์ตอนเย็นก็คือ สะพานไม้ที่เราเดินเข้ามาจากท่าเรือ เพราะว่าเป็นทิศที่พระอาทิตย์ตกพอดี (แต่เราไม่ได้เดินไปถ่ายรูป 555)

ห้องฟิตเนสตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสระว่ายน้ำใหญ่ (หน้าจุดให้บริการไอศครีมนี่แหละ) อุปกรณ์มีให้ใช้หลากหลายครบครันดี แถมเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงด้วยนะ แค่เอาบัตรห้องมาแตะก็เข้าไปใช้บริการได้เลย

ประตูทางเข้าฟิตเนส


Kid Club สำหรับคุณหนูๆ อาจจะเล็กไปหน่อย แต่อย่างน้องคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถออกไปเล่นน้ำกันได้อย่างไม่ต้องกังวล

Concierge ที่เป็นเหมือนล๊อบบี้ของทางโรงแรม ขาดเหลืออะไรก็แจ้งได้ที่นี่แหละ รวมทั้งตอนจะเดินทางกลับ หากต้องมีเคลียบิลค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ที่นี่เช่นกัน


ห้องสมุดขนาดเล็กของทางโรงแรม มีทั้งหนังสือและคอมพิวเตอร์ให้ใช้บริการ

สุดท้ายมาดูเรื่องของห้องอาหารกันดีกว่า ซึ่งทางโรงแรมมีให้บริการอยู่ 3 ห้องด้วยกัน โดยที่แรกคือ Z Bar ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแบบ Finger Food ในช่วงเย็น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงบ่าย 3 ถึงเที่ยงคืน เป็นบาร์ที่ไม่ควรพลาดในการมานั่งชมอาทิตย์ตกกับคนรู้ใจยามเย็น เพราะตั้งอยู่บนเนินหันหน้าออกไปทางทะเล บรรยากาศดีมาก ถ้ามาไวอาจจะแดดร้อนไปหน่อย แต่ถ้ามาช่วง 5 โมงเป็นต้นไปถือว่าเพอร์เฟค (อย่าลืมโทรจองด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่ได้ที่นั่งด้านหน้า)

วิวดีมาก

Signature Drink ของที่นี่คือ The Last Cocktail แรงดี ต้องลอง ^^

อาหารทานเล่นที่ทานไปแล้วก็อิ่มเอาเรื่องได้เลยเหมือกัน

บรรยากาศช่วงอาทิตย์ตกดินโรแมนติกสุดๆ

ถัดมาคือห้องอาหาร My Grill ที่ให้บริการอาหารเย็น เปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงสี่ทุ่มครึ่ง เด่นในเรื่องของสเต๊กและอาหารทะเลตามชื่อเลย โดยส่วนของครัวย่างเป็นแบบครัวเปิดที่ให้เราสามารถเห็นกุ๊กขณะกำลังปรุงอาหารได้ สำหรับมื้อนี้เราสั่งเมนู Surf and Turf Platter for 2 สำหรับ 2 คนมาลองกัน (ราคา 2,990 บาท) เป็นเนื้อ Tenderloin และ Lobster ทานคู่กันอย่างลงตัว เนื้อนุ่มและช่ำกำลังดี ส่วน Lobster ก็เนื้อหวาน สด ไม่มีที่ติ ส่วนเครื่องเคียงก็สามารถเลือกได้ แต่ขอแนะนำ Truffle Mashed Potatoes ที่เป็นมัดบดรสทรัฟเฟิล หอมมันอร่อยมากกกกกกก

บรรยากาศห้องอาหารสวยงามและโรแมนติกมาก อยากทานในร้าน หรือบนชายหาดก็เลือกได้ตามชอบ แต่อย่าลืมจองโต๊ะกันไว้ก่อนด้วยนะ เพราะว่าที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว ดังนั้นแขกส่วนใหญ่จึงไม่อยากนั่งเรือออกไปทานกันข้างนอกให้เสียเวลา ทานในโรงแรมนี่เลยง่ายกว่า


ขนมปังร้อนๆ ให้บริการ เนื้อนุ่มอร่อยดีมาก

Surf and Turf Platter for 2 (ได้แบบนี้คนละจานนะ)

ตบท้ายด้วยของหวานอย่างไอศครีม และช๊อคโกแล็คก้อนเสียบไม้ที่รสชาติดีมากกกก

และห้องอาหารสุดท้ายที่ขอแนะนำคือห้องอาหารต้นไทร ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักและมีขนาดใหญ่ที่สุดของทางโรงแรม ตั้งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำหลักและห้องอาหาร My Grill ซึ่งให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน รวมทั้งอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรมที่ให้บริการระหว่าง 6.30 - 11.00 น.
โดยบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านั้นถือว่ามีไลน์อาหารขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่มีให้เลือกครบทั้งอาหารเอเชียและอาหารฝรั่ง โดยจะมีเมนูแบบ A la carte ให้เลือกสั่งได้ เช่น Grilled Salmon (เมนูนี้อร่อยดี) Steak and Egg หรือ Full English Breakfast ส่วนที่เหลือก็สามารถเดินไปตักที่ไลน์บุฟเฟ่ต์เองได้เลย



ห้องอาหารเช้าพร้อมวิวทะเล



ส่วนขอสลัดบาร์ แฮม และผลิตภัณฑ์จากนม และจะตั้งอยู่ภายในห้องแอร์


เมนูแบบ A la carte เลือกสั่งได้เองตามใจชอบ



น้ำผลไม้สดให้เลือกหลากหลาย

มีแซลม่อนรมควันด้วย

สรุปปิดท้าย เดอะ นาคาไอแลนด์, อะ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต ถือเป็นรีสอร์ทที่ได้มาพักแล้วรู้ประทับใจมากอีกหนึ่งแห่งในเกาะภูเก็ต โดยจุดขายหลักของที่นี่ก็คือความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวจากสถานที่ตั้งที่แยกออกมาอยู่บนเกาะนาคา แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถเดินทางเข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่เหมาะกับคู่รักหรือคู่ฮันนีมูนมากๆ เพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนมันก็ดูโรแมนติดไปซะหมด ถ้ามีโอกาสหรือเจอโปรดีๆ ของทางโรงแรมแล้วก็ไม่ต้องรอช้า รีบจองได้เลยยยย คอนเฟิร์ม ^^
จองห้องพักเดอะ นาคาไอแลนด์, อะ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต ราคาพิเศษได้ที่นี่
จองที่พักกับ The Naka Island (Marriott Bonvoy)
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda
ค้นหารีวิวโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจในประเทศไทยได้ ที่นี่

Comments