top of page
  • รูปภาพนักเขียนOn The Jet Plane

รีวิว 15 ที่เที่ยวเกาหลีสายธรรมชาติ บรรยากาศดี



ประเทศเกาหลีใต้เปิดแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า เพียงแค่คุณจองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี จองที่พักเกาหลี หรือที่เที่ยวต่างๆ แล้วลงทะเบียนใน K-ETA ก็ไปเที่ยวเกาหลีใต้กันได้แบบไม่ยาก ยิ่งในช่วงนี้หากใครคิดถึงการไปเที่ยวต่างประเทศ อยากให้เก็บเกาหลีใต้เอาไว้ในลิสต์ได้เลย สำหรับบทความนี้เราจะขอแนะนำที่เที่ยวเกาหลีสายธรรมชาติ เน้นที่เที่ยวง่ายๆ สบาย ให้คุณได้พักผ่อน และใช้วันหยุดไปกับการเที่ยวเกาหลี เดินเล่นชมธรรมชาติสุดสวย ที่คัดมาแล้วทั่วเกาหลีใต้ การันตีว่าถ้าได้ลองไปเที่ยวกันแล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน


มาถึงขั้นตอนเตรียมตัวที่จะไปเดินทางกันบ้าง อันดับแรกเลยคือการจองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี เข้าไปดูได้ใน Traveloka Travel & Lifestyle Super Appแอพเดียวที่ทั้งครบ และจบในเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน ที่เที่ยว หรือแม้กระทั่งที่พัก ใครกำลังมองหาตัวช่วยแพลนทริปดีๆ ขอแนะนำแอพนี้เลย


จองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีใต้ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Seoul.SEOA



1. N Seoul Tower (หอคอยเอ็นโซล)


เริ่มกันที่เที่ยวเกาหลีสายธรรมชาติอันดับแรก ก็คือ “N Seoul Tower (หอคอยเอ็นโซล)” หอคอยใจกลางกรุงโซลที่เดินทางไปเที่ยวกันแบบไม่ยากเลย จุดเด่นของหอคอยนี้คือเป็นหอคอยสำหรับชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งภายในโซล มองเห็นวิวเมืองโซลได้อย่างสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศรอบด้านก็สวยงาม และน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากว่าอยู่บนเทือกเขานัมซาน ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปยังบริเวณด้านบนของหอคอยก็จะได้สัมผัสธรรมชาติสวยๆ ถ้ามาเยือนช่วงใบไม้ร่วง ก็จะเจอกับใบไม้เปลี่ยนสี



2. เกาะนามิ (Nami Island)


ไม่ว่าจะไปเที่ยวเกาะนามิช่วงฤดูไหน ก็บอกเลยว่าสวยทุกฤดู ซึ่งเกาะนามินั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติอยู่แล้ว อยู่ห่างจากตัวเมืองโซลไปประมาณ 63 กิโลเมตร ทำให้หลายคนนิยมไปเที่ยวเกาะนามิกันแบบวันเดย์ทริป สิ่งที่โดดเด่นหลักเลยก็คือธรรมชาติบนเกาะนามิ ที่มีทั้งสวน ต้นเกาลัด วิวสวยริมน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาเยือนช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะพบกับต้นไม้เปลี่ยนสีงดงาม หรือจะมาเที่ยวเกาะนามิช่วงฤดูหนาว บริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ อีกทั้งที่เกาะนามิยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ทั้งการนั่งรถไฟชมรอบเกาะ เดินเล่นชมสวนไปรอบๆ หรือหารีสอร์ทสวยพักค้างคืนกันบนเกาะนามิสักหนึ่งคืน



3. ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)


เที่ยวเกาหลีใต้ฟีลไปพักตากอากาศต้องไปที่ “ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)” ชายหาดชื่อดังของเมืองปูซาน ไม่ได้คราคร่ำไปด้วยผู้คนในช่วงวันหยุดแต่เพียงเท่านั้น ทว่าบริเวณชายหาดฮุนแดยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลต่างๆ ดังนั้นชายหาดฮุนแดจึงเต็มไปด้วยผู้คนไม่เว้นว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าร้อน หรือว่าช่วงที่มีงานเทศกาลเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่เมื่อเดินทางไปเที่ยวปูซานก็มักที่จะปักหมุดไว้ที่ชายหาดแฮอุนแด เนื่องจากเป็นแลนด์มาร์คหลัก และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย นอกจากนั้นรายล้อมชายหาดยังมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงสวนสนุก



4. วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)


หนึ่งในแลนด์มาร์คยอดฮิตของเมืองปูซาน ไม่ว่าใครที่เดินทางไปเที่ยวปูซาน ก็อยากจะแนะนำให้เดินทางไปเที่ยวที่นี่ เพราะเป็นวัดพุทธที่ตั้งอยู่ริมผา มองออกไปเห็นวิวทะเลสวยๆ ตั้งอยู่บนโขดหินทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปูซาน วัดพุทธนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากการได้มาไหว้วัด และชมความงามของวัดเก่า ยังได้เห็นวิวสวยของทะเลที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ ที่มักจะตั้งอยู่ในเมือง หรือหุบเขา หากใครมีเวลาอยากให้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณนี้ และในช่วงเดือนเมษายนจะมีซากุระเบ่งบานเต็มไปหมด เกิดเป็นภาพที่สวยงาม



5. อุทยานแห่งชาติซอรักซาน (Seoraksan National Park)


นึกถึงการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่เกาหลีใต้ ต้องยกให้กับอุทยานแห่งชาติซอรักซาน (Seoraksan National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียง และขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามเป็นอย่างมาก อันที่จริงแล้วซอรักซานนั้นสวยทุกฤดู ไม่ว่าจะมาเที่ยวในฤดูไหนจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ทว่าหากอยากมาชมวิวสุดอลังการของใบไม้เปลี่ยนสี ให้มาช่วงฤดูใบไม้ร่วง กิจกรรมส่วนใหญ่ของคนที่มาเที่ยวที่นี่ มักจะมาปีนเขา เนื่องจากมีเขาให้เลือกปีนหลายลูก หรือใครชอบถ่ายภาพ ก็ให้ลิสต์เอาไว้แล้วเตรียมกล้องมาให้พร้อม เพราะที่นี่สวยทุกมุม



6. แดดุนซาน (Daedunsan)


เอาใจคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติแนวเดินป่า ปีนเขา กับอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติชื่อดังของเกาหลีอย่าง แดดุนซานกันบ้าง สำหรับสถานที่แห่งนี้โด่งดัง และมีชื่อเสียงสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี เพราะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีหลายแห่งที่งดงาม ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวที่แดดุนซาน ก็คือการเดินข้ามสะพานไม้จากอีกหนึ่งยอดเขาไปยังอีกที่ เป็นสะพานแขวนที่มีชื่อว่า Geumgang Scenic Bridge และมีบันไดเหล็กอีกแห่งที่ชื่อว่า Samseon Stairway สำหรับการไต่ขึ้นไปบนยอดเขา อยากชมธรรมชาติสวยๆ พร้อมออกกำลังกายไปด้วยต้องห้ามพลาด



7. เกาะเชจู (Jeju Island)


หรือว่า เกาะเจจู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำให้ทุกคนที่มาเยือนเกาหลีใต้ หาโอกาสไปเที่ยวกัน เนื่องจากโดดเด่นในเรื่องความงดงามของที่เที่ยว และธรรมชาติที่มีทั้งอุทยานแห่งชาติ ยอดเขา น้ำตก ถ้ำ และหน้าผา เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ มีขนาดใหญ่ และมีความสำคัญตรงที่ถือว่าอยู่ใน 1 ของ 9 จังหวัดเลยทีเดียว ข้อดีนอกจากธรรมชาติสวยแล้ว อากาศยังดี เหมาะกับการไปเที่ยวทั้งปี บนเกาะมีของฝากที่ไปแล้วต้องซื้อกลับหลายอย่าง เพราะมีขายที่เกาะเชจูเท่านั้น อย่างเช่น ส้มเกาะเชจู เครื่องสำอางที่ทำเถ้าของภูเขาไฟ และชาเขียวสุดพรีเมียม ลองไปสักครั้งแล้วคุณจะหลงรัก



8. อุทยานแทจงแด (Taejongdae Park)


อุทยานแห่งชาติที่เกาหลีไม่ได้มีแค่ป่าเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่นับรวมไปถึงอุทยานแห่งชาติที่อยู่ริมทะเลด้วย อย่างเช่นที่นี่ “อุทยานแทจงแด (Taejongdae Park)” เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่เหนือน้ำทะเล บนยอดเขาสูงประมาณ 250 เมตร ด้านในจะมีจุดชมวิวสวยหลายแห่ง ไฮไลท์ก็คือวิวทะเลที่สวยงาม แต่ก็รายล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติของป่าดิบชื้นบริเวณนั้นด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวที่ไปอุทยานแทจงแด ให้ลองไปขึ้นรถไฟทานูบีกันดู เพราะเป็นรถไฟที่ให้บริการในอุทยานแทจงแด และจอดแต่บริเวณพื้นที่สำคัญ ให้คุณได้เที่ยวครบภายในรถไฟเพียงเที่ยวเดียว



9. สวนโอลิมปิก (Olympic Park Seoul)


หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ โอลิมปิกกงวอน อันได้ชื่อนี้มาเพราะว่าตั้งอยู่ที่สนามกีฬาซึ่งเกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูร้อน เมื่อปี 1988 ภายในเขตซงพา (Songpa-gu) กรุงโซล แต่เดิมทีสถานที่แห่งนี้ได้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลี เพราะเป็นที่ตั้งของป้อมปราการมงชนโทซอง (Mongchontoseong Fortress) ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ ทำให้ด้านในนั้นมีจุดชมดอกไม้อันเป็นไฮไลท์อยู่ทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน ในแต่ละจุดจะมีจุดเด่นแตกต่างกันได้ อาทิ สวนกุหลาบ และดอกไม้ป่า ทุ่งหญ้ามูลีย์ ต้นไม้นาฮลโลนามู หรือที่เรียกกันว่า The lonely tree ปิดท้ายด้วยต้นไม้เปลี่ยนสีที่อยู่ใกล้กับประตูสันติภาพโลก ถ้าอยากเดินให้ครบ แนะนำมาแต่เช้า เพราะด้านในกว้างใหญ่มาก



10. อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน (Hallasan National Park)


การันตีความงดงามของธรรมชาติที่เกาหลีใต้ ได้ด้วย “อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน (Hallasan National Park)” โดยอุทยานแห่งชาตินี้ได้ตั้งอยู่บนเกาะเชจู ใครที่อยากไปเที่ยวก็จะต้องเดินทางไปยังเกาะเชจูซะก่อน กิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวผู้ที่เดินมายังฮัลลาซาน คือการมาปีนเขา ที่คุณจะได้ชมวิวสวย และธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจไปตลอดเส้นทางการเดินชมศึกษาธรรมชาติ จุดเด่นคือจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เลือกหลายแห่ง ไม่เกิน 10 กิโลเมตร ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 3-4 ชั่วโมง ใครชอบปีนเขา หรือเดินศึกษาธรรมชาติ ต้องปักหมุดไว้เลย



11. สวนสาธารณะฮานึล (Haneul Park)


แต่งตัวให้สวยแล้วเตรียมไปถ่ายรูปกันที่สวนสาธาณะฮานีลกันดีกว่า เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสวนสวยที่คนนิยมเดินทางไปถ่ายรูป เนื่องจากมีจุดน่าสนใจมากมาย เป็น 1 ใน 5 ของสวนสาธารณะเวิลด์คัพ (World Cup Park) จุดเด่นหลักคือการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนฮานึล ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีทุ่งหญ้ายูลาเลีย (Eulalia Grass) ที่เป็นสีน้ำตาลสวย ดึงดูดให้นักท่องเที่ยว และชาวเกาหลีใต้เองไปถ่ายรูปกันที่บริเวณสวนสาธารณะนี้ หรือว่าอีกหนึ่งไฮไลท์เลยก็คือทุ่งหญ้ามูลีย์สีชมพู (Pink Muhly) ให้คุณได้ถ่ายรูปกับหญ้ามูลีย์โทนสีแดง ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม นอกจากนั้นบริเวณพื้นที่แห่งนี้ยังมีผีเสื้อโบยบินมากมายกว่า 30,000 ตัวด้วย บอกเลยถ้าใครยังไม่เคยไป ต้องหาเวลาไปเยือนสักครั้ง เพราะสวยมากจริงๆ



12. ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong)


อยากได้โลเคชั่นที่ดูแปลกตา แต่ก็เหมาะกับการถ่ายรูป “ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong)” เป็นหนึ่งในนั้น สำหรับยอดเขานี้ได้ตั้งอยู่บนเกาะเชจู อันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้ว และเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ปากปล่องภูเขาไฟจะกว้างประมาณ 600 เมตร มีความสูงมากถึง 90 เมตร ส่วนใหญ่แล้วคนนิยมไปตอนเช้า เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นเป็นอย่างมาก หากใครได้ไปเยือนในช่วงเดือนเมษายน จะเห็นว่ามีทุ่งดอกคาโนล่า (Canola Field) บานเป็นสีเหลืองกระจายอยู่ทั่วทุ่งเต็มไปหมด



13. สวนสาธารณะซงพานารู (Songpa Naru Park)


มีจุดเด่นตรงที่ด้านในมีทะเลสาบอยู่ภายในสวนด้วยกัน 2 แห่ง ทำให้สวนสาธารณะซงพานารู มีอีกชื่อหนึ่งว่า สวนสาธารณะ ทะเลสาบซอกชน (Seokchon Lake Park) เคยเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำฮัน ตั้งแต่เมื่อสมัยราชวงศ์โครยอ (Goryeo Dynasty) จากนั้นก็ได้กลายมาเป็นทะเลสาบซอกซน ใครว่างมาเดินที่นี่ ก็เป็นหนึ่งในที่พักผ่อนหย่อนใจดีอยู่ไม่น้อย มีทั้งเส้นทางการเดินรอบสวนสาธารณะ และมีสนามออกกำลังกาย ใครเบื่อบรรยากาศความพลุกพล่านภายในตัวเมือง หาเวลาหลบออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะซงพานารูกันสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ดีไม่ใช่น้อย



14. วัดถ้ำซอคคูรัม (Seokguram Grotto)


ไปเที่ยวเกาหลีช่วงเดือนตุลาคม จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกระจายอยู่ทั่วในเมือง แต่หนึ่งในจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ต้องยกให้กับ “วัดถ้ำซอคคูรัม (Seokguram Grotto)” ถ้ำนี้ถูกสร้างขึ้นจากหินแกรนิต เป็นวัดพุทธเก่าแก่ และโบราณ สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อกลางศตวรรษที่ 8 ด้านในห้องโถงใหญ่เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปบองจง นอกจากนั้นยังมีการแกะสลักหินที่รายล้อมอยู่ในบริเวณถ้ำ ด้วยช่างฝีมือของชาวซิลลาในช่วงยุคนั้น ยิ่งไปกว่านั้นวิวด้านนอกยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณได้มาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง



15. น้ำตกจองบัง (Jeongbang Waterfall)


ปิดท้ายธรรมชาติที่อลังการยิ่งใหญ่ตระการตาด้วย “น้ำตกจองบัง (Jeongbang Waterfall)” ตั้งอยู่บนเกาะเชจู เป็นน้ำตกแห่งเดียวในเอเชียที่ตกลงสู่ทะเล เกิดให้เห็นเป็นภาพที่สวยงาม และไม่มีน้ำตกที่ไหนเหมือน โดยน้ำตกนี้จะมีน้ำไหลลงสู่ทะเลโดยตรง มีความสูงประมาณ 23 เมตรถือว่าเป็นน้ำตกที่สวย 1 ใน 3 ของเกาะเชจู ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ หากใครมีโอกาสได้จองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี และไปเยือนเกาะเชจู ลิสต์ที่เที่ยวแห่งนี้เก็บไว้ได้เลย


ไม่ใช่เพียงเท่านี้ แต่ที่เกาหลีใต้ยังมีที่เที่ยวสวยๆ ทางธรรมชาติอีกเพียบ ทั้งอุทยานแห่งชาติ น้ำตก ถ้ำ หรือหน้าผาสวย รอให้คุณได้ไปสัมผัส หากอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ใช่แค่ กิน ช้อปปิ้ง หรือเที่ยวผับ ที่เกาหลีใต้ยังมีที่เที่ยวสวยๆ อีกเพียบ ถ้าพร้อมแล้วกดเข้าไปดูใน Traveloka Travel & Lifestyle Super App แล้วไปแพลนทริปเที่ยวกันได้เลย


ดู 5,921 ครั้ง
bottom of page