[รีวิว] Whispers of the Land - SRA BUA by KIIN KIIN, Siam Kempinski Hotel Bangkok | สระบัว บาย กิน กิน โรงแรมสยามเคมปินสกี้
- On The Jet Plane

- 29 ต.ค.
- ยาว 5 นาที
อัปเดตเมื่อ 4 พ.ย.

Whispers of The Land คอร์สอาหารไฟน์ไดนิ่งฤดูกาลใหม่ประจำปี 2025 ที่ “ห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน” เริ่มต้นเพียง 2,200++ บาท คอนเซปต์ครั้งนี้เสมือน Sra Bua by Kiin Kiin พาเราท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ “เหนือจรดใต้” โดย เชฟเฮนริค อูล แอนเดอร์เซน (Henrik Yde-Andersen - ร้าน Kiin Kiin โคเปนเฮเกน, ประเทศเดนมาร์ก) และ เชฟเบิ้ม - ชยวีร์ สุจริตจันทร์ Head Chef แห่งห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin - Siam Kempinski Hotel Bangkok เชฟทั้งสองท่านได้ยกระดับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากไทยผสมผสานกับแนวคิดตะวันตกสมัยใหม่โดยไม่ทิ้ง Signature เดิมและความเป็นตัวตนของร้าน ไม่ว่าจะเป็น Appetizer ที่จัดเต็มถึง 7 ชนิด, Soup จากเครื่อง Syphon, เนื้อวากิวหอมมะลิ, คาเวียร์หัวหิน, วาซาบิระยอง และความน่าประทับใจอื่นๆ ตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย พร้อมจับคู่มื้ออาหารได้อย่างไร้ที่ติกับ “Zero - Proof Journey” หรือ “เมนูเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์” จากวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยที่ Sra Bua by Kiin Kiin เนรมิตขึ้นสำหรับ Whispers of the Land โดยเฉพาะเช่นเดียวกัน



บรรยากาศของ Sra Bua by Kiin Kiin
สำหรับห้องอาหาร “สระบัว บาย กิน กิน” ตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok ซึ่งเมื่อก้าวพ้นประตูไม้ขนาดใหญ่เข้ามาจะพบกับบรรยากาศสไตล์ Modern Luxury ที่สอดแทรกความเป็น ‘ไทย’ เอาไว้ในทุก ๆ อณู ตั้งแต่ลวดลายไม้ฉลุและผ้าทอ รวมถึงสระบัวขนาดใหญ่ที่ตั้งเป็นสัญลักษณ์อยู่กลางร้าน Sra Bua by Kiin Kiin ชวนให้เราเพลิดเพลินและผ่อนคลายไปจวบจนตลอดมื้ออาหาร ส่วนตัวประทับใจรูปแบบการจัดที่นั่งเพราะมีผนังรอบด้าน ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว


Sra Bua by Kiin Kiin - Whispers of the Land's Experience
เดินเข้าร้านมาจะพบกับการต้อนรับอันอบอุ่นพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเองของทุกคนในร้าน และเริ่มต้นมื้อด้วยการนั่งที่ “โซนรับรอง” โซฟาตัวใหญ่ที่ถูกวางเอาไว้ให้เราประสานสายตากับสระบัวด้านหน้าอย่างพอเหมาะ จากนั้นเริ่มด้วย Welcome Drink “ตะไคร้-ใบเตย” แสนผ่อนคลาย ตามด้วยรายการคอร์สอาหารมาให้เราเลือก ซึ่งเราไปใช้บริการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 คอร์สประจำฤดูกาลใหม่ 2025 Whispers of The Land มีให้เลือกเป็น Selective Menu สามารถ match เองได้ทุกรายการระหว่างซ้าย “ออริจินัล ซิกเนเจอร์” เมนูที่ได้รับความนิยมประจำห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin หรือ เมนูในฤดูกาลที่รังสรรค์ใหม่ทั้งหมดด้านขวา “Whispers Of The Land” หลังจากเลือกเสร็จแล้ว ทางห้องอาหารจะจัดเสิร์ฟ "อาหารเรียกน้ำย่อย" หรือ "Appetizer" ในคอนเซปต์ Thai Street food ลักษณะเป็นคานาเป้เล็กๆ ทั้งหมด 7 คำ และเมื่อทานเสร็จจะพาเราเดินทางไปรู้จักกับวัตถุดิบต่างๆ ของ Whispers of the Land รวมถึง "ทัวร์ห้องครัวของ Sra Bua by Kiin Kiin" ที่เมื่อเข้าไปจะเห็นเชฟกำลังเตรียมอาหารสำหรับมื้อนี้อยู่

ความน่าประทับใจมากๆ คือ แม้ในครัวจะกำลังทำ "ปลาทอด" แต่กลับไม่มี "ไอความร้อน" หรือ "กลิ่นและควันอาหาร" เลย ไม่มีแม้แต่คราบความมันด้วยซ้ำ เมื่อชมครัวเสร็จพนักงานต้อนรับจะพาเรามานั่งโต๊ะที่ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่น่าตื่นตาสำหรับวันนี้รอเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เราทานแบบ Full Experience ประกอบไปด้วย
🍽️ Whispers of the Land Harvest 7 - Sequence ราคา 4,600++
🍷 Zero - Proof Pairing 5 Glasses ราคา 1,500++
หากเลือกรายการอาหารแบบเดียวกับเราจะได้รับรายการทั้งหมดตามนี้
🍵 Welcome Drink 1 แก้ว, Appetizer 7 เมนู, คอร์สอาหาร 7 รายการ, Petit Four ปิดท้าย 4 ชนิด, Zero - Proof Pairing 5 แก้ว
>> สนใจคอร์สอาหารอีกรายการสามารถอ่านรีวิว Sra Bua by Kiin Kiin, Siam Kempinski Hotel Bangkok ได้ที่นี่

Appetizer 7 รายการ
ประกอบไปด้วย Soy Salted Meringue, Pork Cracklings Vegetable Puff, Green Curry Roll, Lamb Massaman Sunchoke, Satay, Miang Kham, Misty Lotus

Soy-Salted Meringue
เมอแรงก์เนื้อเบามาก รสชาติเค็มอ่อนๆ เพิ่มความกรุบกรอบด้านบนด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และงาดำเล็กน้อย ทานคู่กับกรีกโยเกิร์ตและ วาซาบิระยอง ขูดสดตรงหน้า คำนี้เหมาะจะเป็นคำแรกอย่างแท้จริง รสชาติของโยเกิร์ตที่เบาแต่ยิ่งกระตุ้นให้ลิ้นเราอยากสัมผัสอาหารคำต่อไปมากขึ้น เจอกับเมอแรงก์ savory มีรสซอสถั่วเหลืองอ่อนๆ ไม่ทราบจะต้องพูดว่าอะไรนอกจาก "ไร้ที่ติ"

Pork Cracklings Vegetable Puff
แคปหมูน้ำพริกหนุ่ม แคบหมูกรุบกรอบชิ้นเล็กห่อหุ้มน้ำพริกหนุ่ม ขนาดพอดีคำทานง่าย ด้านนอกกรุบกรอบ เค็มอ่อนๆ ด้านในรสจัดจ้านกำลังดี เด่นที่กลิ่นหอมของน้ำพริกหนุ่มและไม่ทิ้งความเผ็ดถูกต้องของอาหารเหนือเลย คำนี้เราก็ชอบ

🌶️ Curry Tasting Menu ชุดแกง 3 ชนิด
Green Curry Roll | Lamb Massaman Sunchoke | Satay
Green Curry Roll
มูสแกงเขียวหวานในแป้ง Tuile บางกรอบ ด้านบนมีกะเพรากรอบ คำนี้เป็นคำที่เราชอบที่สุด กลิ่นของแกงเขียวหวานชัดเจน เป็นแกงเขียวหวานที่ถูกต้อง เสิร์ฟมาในรูปแบบเนื้อมูสคล้ายทานขนมรู้สึกสดชื่นมากๆ เป็นหนึ่งในคำเรียกน้ำย่อยที่น่าประทับใจที่น่าประทับใจที่สุดของมื้อนี้เลย

Lamb Massaman Sunchoke Curry
เนื้อแกะคลุกเครื่องแกงมัสมั่นที่เชฟฉีกเนื้อแกะเป็นชิ้นเล็กๆ ไว้ด้านใน แกงรสชาติจัดจ้านทานกับ sunchoke puree หรือแก่นตะวันเนื้อเนียน พร้อมผักเคียงด้านบน กัดพร้อมกับแป้งกรอบๆ ด้านนอก ทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ โดยเฉพาะเนื้อแกะและแก่นตะวันเป็นวัตถุดิบที่เข้ากันมากอย่างลงตัวที่สุด

Satay
สะเต๊ะในรูปแบบ Ice Cream ทางร้านอธิบายว่าส่วนของแผ่นแป้งจะเป็นแครกเกอร์ไก่ โรยด้วยผงขมิ้น ด้านในแซนด์วิชจะเป็นไอศกรีมถั่วลิสงและยังสอดไส้ทั้งหนังไก่กรอบรวมถึงแอปเปิ้ลเขียวเป็นตัวแทนของอาจาด ทานแล้วก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่านี่แหละสะเต๊ะ! แม้หน้าตาจะไม่คล้ายคลึงกับสะเต๊ะที่เราคุ้นเคยแม้แต่น้อยเลยก็ตามที

Miang Kham
เมี่ยงคำ ของว่างอันคุ้นเคยที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีความครบรสในคำเดียว เมี่ยงคำออริจินัลประกอบไปด้วยใบชะพลู กุ้งแห้ง มะนาว ถั่วลิสง มะพร้าวคั่ว หอมแดง พริกสด ขิงสด ทางห้องอาหาร "สระบัว บาย กิน กิน" เพิ่มความพิเศษด้วยเสาวรสและสับปะรดภูแล พร้อมเปลี่ยนจากการใส่กุ้งแห้งธรรมดาเป็นกุ้งกรอบ แล้วปิดท้ายด้วยซอสจากน้ำตาลมะพร้าว คำนี้ทั้งกรุบกรอบ หวานหอม และสดชื่นกว่าเมี่ยงคำที่เคยทานมา วันนี้เลยได้ไอเดียใหม่กลับบ้านคราวหน้าทานเมี่ยคำจะลองใส่สับปะรดแบบนี้ดูบ้างเพราะได้ทานแล้วชอบมากๆ เลย 😆
Misty Lotus เจลลี่ที่เสิร์ฟมาในดอกบัว จาก "สระบัวมินิ" ที่อยู่บนโต๊ะของเรา เจลลี่ทำจากอัญชัน รากบัวกรุบกรอบชิ้นเล็กและมัลเบอร์รี่ พร้อมพาเราเข้าสู่อาหารหลักจานแรก
Whispers Of The Land - Sra Bua by Kiin Kiin
Harvest 7 Sequence & Zero-Proof Pairing Journey



Soup | 🍄🟫 ‘Kaeng Hed’ Wild Mushroom
ซุปแกงเห็ดใบย่านางและปลาร้า ได้กลิ่นหอมของเห็ดและรสเค็มของปลาร้า จานนี้รสชาติค่อนข้างเข้มข้นจะเน้นไปทางเค็มไม่ออกเผ็ดเลย ช่วยชูรสหวานของ coconut sphere ได้อย่างลงตัว กะทิดรอปรูปร่างขาวกลม กัดแล้วแตกตัวในปากเพิ่มความละมุนให้กับซุปแกงเห็ดจานนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อทานกับ "ปาท่องโก๋สอดไส้เห็ดชิเมจิและครีมสังขยาใบเตย" ต้องยอมรับเลยว่ารู้สึกแปลกใจมาก ไม่คาดคิดว่าสังขยาใบเตยสามารถนำมาจับคู่กับแกงใสแบบนี้ได้เข้ากันเป็นอย่างดี
Zero-Proof Journey | Pink Whisper
ทาง Sra Bua by Kiin Kiin นำชมพู่ทับทิมจันทร์ (Rose Apple) มาทำเป็นเครื่องดื่มสีชมพูแวววาวราวกับอัญมณี ได้กลิ่นหวานหอมของชมพู่ทับทิมจันทร์ มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ความเย็นสดชื่นตัดกับรสชาติของซุปเห็ดและยำเนื้อได้ลงตัวทีเดียว


Salad | 🍅 Beef ‘Yum’ Baked Tomato
ยำมะเขือเนื้อย่างเตาถ่าน เมนูนี้ใช้ "เนื้อไทยวากิวหอมมะลิ - Jasmin Wagyu" จากจังหวัดขอนแก่น วันพันธุ์พิเศษที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวหอมมะลิทำให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และยังมีจำนวนผลผลิตไม่มาก ทางร้านเริ่มด้วยการนำเตาถ่านมาวางเพื่อย่างเนื้อให้และเสิร์ฟให้เราตรงหน้า เนื้อไทยวากิวหอมมะลิถูกทำให้สุกที่ระดับปานกลาง ทานคู่กับน้ำยำสไตล์ไทยเผ็ดอ่อนๆ มะเขือเทศสามสีอบไร้เปลือก เซเลอรี่ซอร์เบต์และถั่วลิสงคั่วกรุบกรอบ ตอนที่เคี้ยวเนี่ยนอกจากกลิ่นที่โดดเด่นและความนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อย่างแล้ว ยังคงได้กลิ่นหอมจากใบสะระแหน่รวมถึงผักชีด้วย ส่วนตัวถูกใจในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นวิธีการนำเสนอหรือรสชาติ ใครจะคิดว่าจะได้ทาน "ไอศกรีมขึ้นฉ่ายฝรั่ง" ในเมนูยำเนื้อแบบนี้ สดชื่นมากๆ จะบอกว่าชอบจานนี้มากเลยก็ได้


Starter | 🐟 Seabass ‘Sam Ros’ with Edible Fern Tempura
ปลากระพงสามรสและผักกูดเมปุระ เมนูนี้จะเห็นว่าผิวของปลากระพงฟูสวยมากและไม่อมน้ำมันเลย Sra Bua by Kiin Kiin ทอดปลาทีละชิ้นด้วยเทคนิคการควบคุมอุณภูมิที่เหมาะสมที่สุด ปลากระพงเนื้อหวานจากชลบุรีทานคู่กับผักกูดจากจังหวัดเพชรบุรี จัดมาแบบสองสไตล์ด้วยกันคือแบบชุบแป้งทอด(เทมปุระ)และไม่ทอด เสิร์ฟบนซอสโฟมมะขามรสจัดจ้าน ทุกอย่างบนจานนี้เข้ากันได้อย่างลงตัว และปริมาณที่เสิร์ฟก็กำลังเหมาะไม่น้อยหรือมากจนเกินไป
Zero-Proof Journey | Leaf me Palm
ถัดมาคือ Leaf Me Palm น้ำตาลสดใบเตย เชฟนำลูกตาลอ่อนเบลนด์กับใบเตยออกมาเป็นชารสละมุนสูตรเฉพาะของ "สระบัว บาย กิน กิน" แรงบันดาลใจจากกลิ่นหอมของป่าในภาคใต้ของไทย ทำให้ได้เครื่องดื่มที่มีความหอมหวานของเครื่องดื่มแก้วนี้ช่วยให้ต่อมรับรสเราสัมผัสความหวานธรรมชาติจากผักกูดและเนื้อปลาสดที่ผ่านการปรุงเพียงเล็กน้อยได้ดีเยี่ยมกว่าการจับคู่กับเครื่องดื่มที่มีรสชาติ strong


Curry | 🦞 Phuket Lobster ‘Hor Mok’
ห่อหมกกุ้งล็อบสเตอร์ อีกหนึ่งจานซิกเนเจอร์ของประเทศไทยกับเมนู "ห่อหมก" วันนี้เราได้ลิ้มรสห่อหมกที่แสนจะหรูหราเพราะเชฟนำ "กุ้งล็อบสเตอร์ภูเก็ต" มาเป็นวัตถุดิบหลัก เริ่มจากไข่ตุ๋นเนื้อเนียนเลเยอร์ล่างสุดถัดมาเป็นเครื่องแกงห่อหมกรสชาติเข้มข้นหอมเครื่องแกงมากๆ และด้านบนจะเป็น "เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นโต" ที่ปรุงด้วยเนยเพื่อรักษาความหวานของเนื้อกุ้งเอาไว้ สุดท้ายท็อปด้วย "บิสก์โฟม" ซุปในรูปแบบฟองฟูที่ทำจากเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์ภูเก็ต เรียกว่าใช้ประโยชน์จาก "ล็อบสเตอร์ทั้งตัว" ได้อย่างไร้ที่ติเลย และรสชาติของจานนี้ก็ยังคงเป็นห่อหมกที่สมบูรณ์แบบแม้หน้าตาจะดูละม้ายอาหารฝรั่งเศสก็ตามที
Zero-Proof Journey | Silken
Silken แก้วที่ "คู่ควร" กับอาหารรสจัดมากที่สุดสำหรับวันนี้ หากดื่มจิบแรกโดยที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารจะรู้สึกได้ถึงความขมที่เตะขึ้นมาก่อนสิ่งอื่นใด ทำให้เราค่อนข้างไม่ประทับใจในครั้งแรก แต่พอจิบหลังจากทาน "ห่อหมกกุ้งล็อบสเตอร์" ถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมเราต้องสั่ง "Zero-Proof Journey" เพื่อทานกับคอร์ส Whispers of The Land เครื่องดื่ม Silken ทำจากชาอู่หลง (เชียงราย) หมักเย็นนาน 24 ชั่วโมง และดอกหอมหมื่นลี้ ยังทำให้รสชาติโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยน้ำผึ้งราชบุรีและขมิ้น เรียกว่าไม่ต่างจากการ pairing กับไวน์เลย วัตถุดิบหลากหลายแต่ลงตัวช่วยทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้โอบอุ้มรสชาติของ "ห่อหมกกุ้งล็อบสเตอร์" ให้ออกมากลมกล่อมที่สุด


Meat | 🦆 ‘Pa-Lo’ Smoked Duck and Duck Liver & 🍚 Baked Jasmine Rice
เป็ดคลองไผ่ และตับเป็ด นำมาทำเป็นพะโล้รมควัน เสิร์ฟพร้อมข้าวอบกุนเชียงไก่ จานนี้เชฟได้แรงบันดาลใจจาก "เป็ดพะโล้เยาวราช" สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร เนื้อเป็ดในจานวางเรียงมาสวยงามมากๆ ด้านบนมีเจลลี่ซุปเป็ด พร้อมด้วยเครื่องเคียงเป็นสละจันทบุรีและหัวไชเท้าดองพร้อม Rolled Tuile บางกรอบ เมนูนี้ขอพูดจากใจคนไม่ชอบกลิ่นเอียนๆ ของไขมันเป็ด แน่นอนว่านอกจากเป็ดรวนเค็มวันตรุษจีนที่ทานได้เราก็ขยาดทุกเป็ดที่เหลือเลย "เป็ดพะโล้รมควัน" จานนี้เมื่อได้ลองทานคำแรกก็ตาลุกวาวทันที เนื้อเป็ดจากแหล่งที่ดี ปรุงสุกและสไลซ์มาได้บางพอเหมาะ รังสรรค์รสชาติมาอย่างพิถีพิถันพร้อมด้วยเครื่องเคียงที่เข้ากันอย่างลงตัว ตับเป็ดฟัวกราส์แสนอร่อย "นุ่ม ครีมมี่ ละลายทันทีเมื่อสัมผัสกับลิ้น" โดยรวมทั้งหมดจะมีรสเค็มอ่อนๆ และมีกลิ่นของเครื่องเทศ Five-Spice เตะจมูกทุกลมหายใจ ยิ่งทานคู่กันกับ "ข้าวอบกุนเชียงไก่" หอมมันคล้ายข้าวมันไก่และได้รสหวานเล็กน้อยจากกุนเชียง ต้องบอกว่าตักสลับไปมาหมดจานไม่ทันตั้งตัวจริงๆ อ้อแล้วเราก็ไม่ค่อยชอบทานข้าวด้วย แต่วันนี้สารภาพเลยว่าหมดจดไม่เหลืออะไรทั้งนั้น ข้าวเม็ดสวยก็ยังคงเป็นข้าวของฟาร์มไทยเจดีย์จากจังหวัดสุรินทร์นี่เอง ทั้งหอมทั้งฟูนุ่มอยากเติมที่สุดแต่ไม่ได้เนอะยังมีของหวานอีก 😆
Zero-Proof Journey | Garnet
Kombucha จากลูกพุทราไทยหมักกับใบหม่อนเชียงรายเลี้ยงด้วยน้ำผึ้งเล็กหน่อย ไม่เติมน้ำตาลทั้งตอนหมักและตอนเสิร์ฟ แก้วนี้มีความเปรี้ยวเพียงเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นฉุนจากการหมักคอมบุฉะแบบที่คุ้นเคย บอดี้หนาปานกลางให้ความรู้สึกคล้ายทานอาหารจับคู่ไวน์แดงอิตาลี เข้ากับอาหารจาน spice และเป็ดคลองไผ่ได้ตรงจุดที่สุด กลิ่นหอมของคอมบุฉะโฮมเมดที่ซื้อกลับบ้านไม่ได้ทำให้หวนนึกถึงมื้อนั้นอีกครั้ง เอาล่ะพร้อมแล้วที่จะจองครั้งถัดไป!

Surprise | 🥥 Amphawa Coconut Ice Cream with Hua-Hin Caviar
ขั้นกว่าของการทานไอศกรีมมะพร้าว คือไอศกรีมมะพร้าวท็อปด้วยคาเวียร์ ก่อนเข้าของหวาน เราถูกคั่นด้วย "ของหวานที่ไม่หวาน" คำพิเศษที่เชฟนำเอามะพร้าวอัมพวามาทำเป็นไอศกรีมเนื้อเนียนโดยเน้นความหวานจากธรรมชาติ ชั้นล่างสุดเป็นเนื้อมะพร้าวขูด และด้านบนสุดเป็น "คาเวียร์จากหัวหิน" ซึ่งก่อนตักเสิร์ฟลงบนจาน ทางร้านจะตักลงบนมือเราให้ได้สัมผัสรสออริจินัลของ "คาเวียร์หัวหิน" ก่อนที่จะทานคู่กับส่วนผสมอื่นๆ และยังปิดท้ายการแสดงของจานนี้ด้วยการนำแมคาเดเมียจากจังหวัดเลยมา slice ตรงหน้า รวมๆ ส่วนตัวค่อนข้างชอบที่ได้รสชาติของวัตถุดิบที่ชัดเจนจริงๆ หวังว่าถ้าเราได้ลองเมนูนี้กับเนื้อมะพร้าวอ่อนดูบ้างคงจะถูกใจเช่นกัน


Sweet | 🪷 White Lotus
ของหวานที่สวยงามและประณีตมากกก เพราะเห็นเองกับตาว่าเชฟค่อยๆ จัดเรียงดอกบัวทีละกลีบ เพื่อทำขนมหวานเมนูนี้ให้เราได้ทาน ด้านนอกจะเป็นเมอแรงก์กรอบรูปกลีบดอกบัวสีขาวสวย สวยมาก สวยมากๆ ด้านในจะเป็นเลเยอร์เค้กส้มและไอศกรีมที่มีส่วนผสมของวนิลาจากเชียงใหม่ มีโฟมที่ทำจากเสาวรสกับ Orange compote ทุกอย่างมาเจอกันได้อย่างประจวบเหมาะทั้งความกรอบเล็กน้อย ความหวานพอประมาณ ตัดด้วยรสเปรี้ยวและไอศกรีมก็เย็นสดชื่นปิดมื้อนี้ด้วยความสวยงามและวัตถุดิบที่แสนสดใส
Zero-Proof Journey | The Farm
น้ำนมข้าวโพดแสนนุ่มนวล รสชาติที่ได้จากข้าวโพด สับปะรดภูเก็ต เนย น้ำมะนาวสด จนออกมาหนานุ่มได้สัมผัสแบบครีมมี่ และแน่นอนเมื่อเครื่องดื่มที่มีสัมผัสหนานุ่มคู่กับของหวานที่ให้ความสดชื่นและผ่อนคลาย ความรู้สึกประหนึ่งมีคนหยิบยื่นหมอนมาให้ในขณะที่เรากำลังต้องการเอนหลังในวันหยุดที่แสนสบาย กลิ่นของเครื่องดื่มแก้วนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งจิบอยู่ที่ริมระเบียงรีสอร์ตวันหยุด เหยียดขาอยู่ที่ Day-bed พร้อมมองออกไปยังสระบัวแสนงดงามนอกหน้าต่างห้องพักยังไงยังงั้นเลยล่ะ

Petit Four
ขนมอำลามื้ออาหารชิ้นจิ๋วขนาดพอดีคำ "Sra Bua by Kiin Kiin" ส่งท้ายความประทับใจเราด้วยขนมที่มาในคอนเซปต์แบบ Real or Cake? บอกตรงๆ ตอนแรกคิดว่าทางร้านเพียงนำถาดวัตถุดิบชุดสุดท้ายมาให้เราชมก่อนเสิร์ฟขนม ทุกๆ ชิ้นตั้งใจทำมาก หากมองผ่านๆ ดูแทบไม่ออกเลยว่าชิ้นในของจริงชิ้นไหนขนม ทั้ง 4 รายการ ประกอบไปด้วยขนมที่รังสรรค์จากช็อกโกแลตของประเทศไทย 🌶️ พริกกะหรี่ยง เป็นดาร์กช็อกโกแลตจากเชียงใหม่รสพริก ได้รสชาติเผ็ดเล็กน้อย ⭐️ Star Anise หรือ ดาร์กช็อกโกแลตที่หน้าตาเหมือนโป๊ยกั๊กแบบ 100% เทียบขนาด 1:1 ถ้าไม่พลิกด้านหลังดูคำนี้เราไม่สามารถบอกได้เลยว่าชิ้นไหนเป็นขนม 🥃 Rum on the rocks ดาร์กช็อกโกแลตฟสมกาแฟคั่วรสเข้มได้ความรู้เหมือนกำลังดื่มแบบ on the rock และสุดท้าย 🦪 Edible Pearl ครีมกาแฟที่เมื่อกัดเม็ดไข่มุกแล้วเสมือนเรากำลังดื่ม Espresso Shot ปิดท้ายมื้อที่สมบูรณ์แบบวันนี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
สรุป Sra Bua by Kiin Kiin, Siam Kempinski Hotel Bangkok
Whispers of The Land
ความประทับใจไม่รู้จบตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้องอาหาร ทั้งบรรยากาศที่ทำให้เราผ่อนคลาย คอนเซปต์ที่ชูความเลิศเลอของวัตถุดิบจากทั่วประเทศไทย บริการที่แสนอบอุ่น อาหารที่ไม่ทำให้เกิดความสงสัยเลยแม้แต่คำเดียวว่าทำไมถึงเป็นที่นิยมทั้งคนไทยและต่างชาติ ไม่ว่าคุณจะสั่งคอร์สไหนก็สามารถเลือกทานทั้งเนื้อและปลาพร้อมกันได้จึงไม่เกิดความหนักใจในการเลือกเลย ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ Sra Bua by Kiin Kiin นี้ทำให้ใครก็ตามที่เคยมาลองแล้วครั้งนึงจะต้องพาตัวเองกลับมาทานครั้งต่อไปและต่อๆ ไป อย่างแน่นอน ไม่ว่าที่หน้าร้านจะมีดาวหรือไม่มีดาวประดับอยู่ก็ตาม สำหรับเราห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน ได้ทำลายกำแพงของความรู้สึกเดิมที่เคยตีกรอบว่า Fine Dining ต้องคู่กับ Wine Pairing ในจิตใจเราไปเรียบร้อย
>> สนใจคอร์สอาหารอีกรายการสามารถอ่านรีวิว Sra Bua by Kiin Kiin, Siam Kempinski Hotel Bangkok ได้ที่นี่
Zero-Proof Journey
เครื่องดื่มพิเศษเหล่านี้ไม่สามารถหาดื่มที่ไหนได้ ถูกรังสรรค์มาอย่างดีเพื่อจับคู่กับอาหารแต่ละคอร์สได้อย่างไร้ช่องว่างให้เกิดคำถาม เพราะในทุกจิบมีคำตอบของแต่ละจานเป็นคำตอบในตัวเองแล้ว ความสงสัยเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหาร ณ ขณะที่กำลังรับประทานก็คือ ระหว่างเมนูอาหารสองชุดมีความแต่งต่างกันพอควรแล้วเครื่องดื่มแต่ละแก้วเข้ากันอย่างดีกับอาหารทั้งสองชุดในทุกคำได้อย่างไร ?

รายละเอียดคอร์สทั้งหมดที่ Sra Bua by Kiin Kiin - Siam Kempinski Bangkok
(ราคา ณ เดือนตุลาคม 2568)
Whispers of the Land Lunch | 12:00–15:00
Set Lunch 3-sequence | THB 2,200++ per person
JourneysRoot 5-sequence | THB 3,600++ per person
Harvest 7-sequence | THB 4,600++ per person
Whispers of the Land Dinner | 18:00–24:00
JourneysRoot 5-sequence | THB 3,600++ per person
Harvest 7-sequence | THB 4,600++ per person
Wine pairing options include:
3 glasses | THB 1,900++ per person
5 glasses | THB 2,900++ per person
7 glasses | THB 3,900++ per person
For a non-alcoholic alternative, a zero-proof pairing is also available:
4 glasses | THB 1,200++ per person
5 glasses | THB 1,500++ per person
ราคาดังกล่าวยังไม่รวมเครื่องดื่ม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าบริการ 10%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร 02 162 9000 หรือ อีเมล dining.siambangkok@kempinski.com
_edited.png)


![[รีวิว] The Okura Prestige Bangkok ห้อง Imperial Suite สัมผัสความหรูหราสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางเมืองกับห้องพักที่ใหญ่และแพงที่สุดที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ](https://static.wixstatic.com/media/ab4a86_68c0d75cb0924dd69a34a14dd08baa1a~mv2.jpg/v1/fill/w_950,h_497,al_c,q_85,enc_avif,quality_auto/ab4a86_68c0d75cb0924dd69a34a14dd08baa1a~mv2.jpg)