top of page

[รีวิว] Amari Watergate Bangkok พักหรู อยู่สวีท ที่อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ย. 2564



รีวิว Amari Watergate Bangkok พักหรู อยู่สวีท ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ


"ดีเกินเบอร์" คงจะเป็นคำจำกัดความสั้นๆ ที่เราขอยกให้กับอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ (Amari Watergate Bangkok) หนึ่งในโรงแรมชื่อดังแห่งย่านประตูน้ำที่เปิดมายาวนานหลายสิบปี และเพิ่งผ่านการรีโนเวทมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อปรับโฉมใหม่เพื่อให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น โดยนำแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแห่งสายน้ำใจกลางกรุงเทพฯ มาเป็นแก่นของการออกแบบ


เอาเป็นว่าโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ รูปโฉมใหม่จะน่ามาพักผ่อนแค่ไหน ตามไปชมในรีวิวนี้ด้วยกันได้เลย ^^


 

จองห้องพัก Amari Watergate Bangkok ราคาพิเศษได้ที่นี่

เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)

เปรียบเทียบราคาจาก Booking

เปรียบเทียบราคาจาก Klook


อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใจกลางย่านประตูน้ำ อันเป็นชื่อที่มาของโรงแรมว่า "Watergate" ใกล้กับแหล่งช็อปปิ้งชื่อดังอย่างห้างแพลทินั่ม และห้างเซ็นทรัล เวิล์ด ที่แค่เพียงเดิมข้ามแยกไฟแดงและคลองแสนแสบไปไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว รวมทั้งยังสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ย่านธุรกิจอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งคนที่มาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจก็สะดวกทั้งคู่


โดยเมื่อเข้ามาถึงก็จะพบกันส่วนของล็อบบี้โรงแรมที่โอ่โถงดีมาก สว่าง เพดานสูงดูโปร่ง พร้อมด้วยโคมระย้าที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ เพื่อให้เปรียบเสมือนย่านประตูน้ำที่มีความเคลื่อนไหว ความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา และอย่างที่บอกไปว่าโรงแรมนั้นเพิ่งผ่านการรีโนเวทมาไม่นานนี้เอง ดังนั้นทุกอย่างยังดูใหม่น่ามาใช้บริการ ประทับใจมาก ซึ่งเราเองแม้ว่าจะมีโอกาสได้ไปพักโรงแรมอมารีมาก็หลายแห่ง แต่บอกเลยว่าเราชอบมูดแอนด์โทนของการตกแต่งแบบใหม่นี้มาก ดูทันสมัย มีดีไซน์ เข้ากับสถานที่ตั้งใจกลางเมือง


Lobby ของอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ

Welcome Drink

มุมนั่งเล่นอ่านหนังสือบริเวณ Lobby


Room Type


ห้องพักของอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ มีทั้งหมด 564 ห้อง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 7 ประเภทด้วยได้ ได้แก่

  • ห้องดีลักซ์ ขนาด 40 ตารางเมตร

  • ห้องแกรนด์ ดีลักซ์ ขนาด 40 ตารางเมตร

  • ห้องพรีเมียร์ ขนาด 40 ตารางเมตร

  • ห้องเอ็กเซ็คคิวทีฟ คลับ ขนาด 40 ตารางเมตร

  • ห้องคอร์เนอร์ สวีท 1 ห้องนอน ขนาด 74 ตารางเมตร

  • ห้องเอ็กเซ็คคิวทีฟ สวีท ขนาด 78 ตารางเมตร

  • ห้องคอร์เนอร์ สวีท 2 ห้องนอน ขนาด 114 ตารางเมตร



Two Bedroom Corner Suite (คอร์เนอร์ สวีท 2 ห้องนอน)


การมาพักในครั้งนี้เราเลือกห้องแบบคอร์เนอร์ สวีท 2 ห้องนอน ขนาด 114 ตารางเมตร ที่บอกเลยว่าใหญ่โตกว้างขวางมาก เพราะจริงๆ แล้วมันคือห้องพักแบบห้องคอร์เนอร์ สวีท 1 ห้องนอน และห้องพักแบบพรีเมียร์ ที่เปิดประตู Connect เชื่อมต่อกันได้นั่นเอง เรียงว่ารองรับการเข้าพักแบบผู้ใหญ่ 4 คน + เด็กอีก 2 คน ได้สบายๆ ใครสนใจมาพักกันทั้งครอบครัวเราขอแนะนำเลยจริงๆ คุ้มค่ามาก เพราะพื้นที่ใช้สอยจะแบ่งเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ใช้เป็น Common Area ให้ทุกคนสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้ ส่วนของห้องนอนจะแยกออกเป็นฝั่งของห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ที่มีทีวีและห้องน้ำในตัวทั้งคู่ แตกต่างแค่เพียงห้องนอนใหญ่มีพื้นี่ใช้สอยกว้างกว่าและมีอ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา


ความประทับใจแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาบอกเลยว่าคือเรื่องของความ "ใหม่" ที่ใหม่ทั้งสิ่งของที่เพิ่งผ่านการรีโนเวทมา และใหม่ทั้งสไตล์การตกแต่งที่พลิกโฉมใหม่ให้กับ "อมารี" แบรนด์โรงแรมหรูระดับ Flagship ของเครือ ONYX Hospitality Group ให้มีความชิคและภูมิฐานมากยิ่งขึ้น โทนสีดูสุขุมนุ่มลึกกว่าเวอร์ชั่นก่อน จับทางกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่ชอบการถ่ายภาพและเล่นโซเชียว แต่ก็ยังคงมีการแฝงความเป็นไทยเอาไว้ด้วยเส้นสายลวดลายไทยประยุกต์ที่สอดแทรกมากับองค์ประกอบการตกแต่งต่างๆ เช่น บนพรม หรือบนกำแพง ดูแล้วกลมกลืนไม่น่าเบื่อ ซึ่งเราเชื่อว่านี่คงจะเป็นต้นแบบให้กับแบรนด์อมารีแห่งอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี่แน่ๆ



เมื่อเข้ามาในส่วนของห้องนั่งเล่นจะพบกันชุด Welcome Set เป็นขนมไทยขนาดน่ารักพอดีคำ เครื่องดื่ม และผลไม้สด ที่วางเรียงกันอยู่บนโต้ะ พร้อมด้วยโซฟาขนาดใหญ่และทีวีที่เหมาะแก่การมานั่งชิลพักผ่อนเล่นๆ ในห้องพักช่วงกลางวันมากๆ ส่วนข้างๆ ก็จะเป็นพื้นที่ของห้องครัวและโต๊ะอาหารแบบเคาท์เตอร์บาร์ มีทั้งตู้เย็นขนาดใหญ่ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ไมโครเวฟ เครื่องชงกาแฟ Nespresso และเครื่องซักผ้า เรียกว่าครบเครื่องมาก


ห้องนอนใหญ่ จะมากับเตียงแบบ King Size พร้อมหมอนนุ่มๆ ในบริเวณห้องจะมีทั้งทีวี โซฟาริมหน้าต่างที่นั่งมองวิวได้อย่างชัดเจน มีห้องน้ำในตัว มาพร้อมอ่างล้างหน้า 2 อ่าง และอ่างอาบน้ำที่เราพร้อมจะนอนแช่น้ำชิลๆ ดูซีรีส ฟังเพลง

อะ แต่งตัวแต่งหน้า ถ่ายรูปเล่นระหว่างรอดินเนอร์ก็ได้นะ


ส่วนห้องนอนเล็กเปิด Connect กับตัวห้องนั่งเล่น ภายในห้องเป็นเตียงแบบ Twin Bed ที่ในห้องมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โซฟา ทีวี ตู้เย็น มินิบาร์ และห้องน้ำส่วนตัว แต่ว่าห้องนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำนะ


ขนม Welcome Set ภายในห้องพัก

เคาน์เตอร์บาร์และส่วนของห้องครัว

มินิบาร์

ห้องน้ำ (ห้องนอนใหญ่)

ห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำ (ห้องนอนใหญ่)

ห้องน้ำ (ห้องนอนใหญ่)

ห้องนอนเล็ก และห้องนั่งเล่นเชื่อมถึงกัน (ภาพขวาล่าง)

ห้องนอนเล็ก (Twin Bed)

ห้องน้ำ (ห้องนอนเล็ก)


Facility


พื้นที่ส่วนกลางของทางโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของอาคาร ประกอบไปด้วย

  • สระว่ายน้ำ และสวน

  • ฟิตเนส

  • บรีซ สปา



สระว่ายน้ำ และสวน


เรียกว่าเป็นสระว่ายน้ำและสวนลอยฟ้า เพราะตั้งอยู่บนชั้น 8 ของโรงแรม ที่บอกเลยว่าบรรยากาศดีทีเดียว เพราะโชคดีที่ด้านข้างโรงแรมไม่ค่อยมีตึกสูงตั้งอยู่ติดๆ กัน ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวของตึกน้อยใหญ่แห่งอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ได้อย่างเด่นชัด รวมถึงวิวของตึกใบหยก 1 และ 2 รอบสระว่ายน้ำจะมีเก้าอี้อาบแดด และซุ้มนั่งเล่นตั้งอยู่โดยรอบ พร้อมด้วยส่วนของพื้นที่สวนที่ตั้งอยู่ติดกัน แนะนำขึ้นมานั่งชิวๆ ช่วงเย็นบรรยากาศกำลังดีเลย แถมมีพูลบาร์ให้สั่งเครื่องดื่มได้ด้วย


ปล. ยังไงช่วงนี้ก่อนการมาใช้บริการสระว่ายน้ำควรตรวจสอบเวลาการเปิดปิดอีกทีตามประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ของทางกรุงเทพฯ


วิวตึกใบหยก 1 และ 2 เป็นฉากหลัง (ขวา)

ที่นั่งอาบแดดริมสระว่ายน้ำ


ฟิตเนส


เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่เลยทีเดียว มีทั้งลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกาย และ Free Weight พร้อมกระจกที่เปิดรับวิวด้านนอก



บรีซ สปา


บรีซ สปา แบรนด์สปาระดับพรีเมี่ยมของทางโรงแรม ที่ไม่ว่าจะไปเยือนอมารีที่ไหนก็จะต้องมีบรีซ สปา ควบคู่มาด้วย มีทรีตเม้นต์ให้เลือกตามความชอบ ตั้งแต่การนวดตัวแบบอโรมาที่เป็นซิกส์เนเจอร์ การขัดผิว ทรีตเมนต์ดูแลผิวหน้าซึ่งเป็นของเยอรมัน ไปจนถึงโปรแกรมสปาแบบครึ่งวัน อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษในแต่ละเดือนอีกด้วย ซึ่งจากที่มีโอกาสได้ไปใช้บริการมาหลายๆ แห่ง เราค่อนข้างประทับใจทรีตเมนต์ของทางบรีซ สปา เลยละ คุมมาตรฐานในแต่ละที่ให้ออกมาได้ดีเหมือนกันหมด


ปล. ก่อนการมาใช้บริการสปาควรตรวจสอบเวลาการเปิดปิดอีกทีตามประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ของทางกรุงเทพฯ


ภายในห้องสปา

เครื่องดื่มให้บริการก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) การทำสปา


Restaurant


ห้องอาหารและบาร์ของอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ มีทั้งหมด 3 แห่ง ด้วยกัน ได้แก่


  • Amaya Food Gallery

  • Cascade

  • Pool Bar


ปล. ห้องอาหารและบาร์บางแห่งยังคงปิดให้บริการตามประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ของทางกรุงเทพฯ



Cascade


ห้องอาหาร CASCADE (คาสเคด) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรมติดกับส่วนของ Lobby ซึ่งเป็นคาเฟ่กึ่งๆ ระหว่างร้านกาแฟและร้านอาหาร มองเห็นบรรยากาศริมถนนหน้าโรงแรมและผู้คนที่มาเดินช็อปปิ้งย่านประตูน้ำ เปิดตลอดวันตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ โดยให้บริการทั้งอาหารคาว เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ให้เลือกได้หลากหลายเมนู ราคาถือว่าไม่แรงเลยเมื่อเทียบกับรสชาติและขนาดอาหาร ที่เราสั่งมาลองทานและอยากแนะนำก็จะมีเป็นสเต๊กเนื้อ และสเต๊กแซลม่อน ที่เชฟทำออกมาได้ชุ่มฉ่ำกำลังดี ส่วนเบอร์เกอร์ก็อร่อย ซูปฟักทองรสชาติกลมกล่อม แต่ที่ชอบมากอีกจานคือพิซซ่า คือแป้งดีมาก รสชาติก็อร่อย ขนาดที่ต้องหยิบทานหลายชิ้นเลยจริงๆ


สเต๊กเนื้อ และสเต๊กแซลม่อน

ซูปฟักทอง


Executive Lounge


สำหรับใครที่จองห้องพักแบบ Executive Club หรือ Executive Suites จะสามารถเข้ามาใช้บริการส่วนของเอ็กเซ็คคิวทีฟ เลาจน์ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 32 ได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่ง Privilege ที่ดีมากๆ เพราะมีบริการของหว่างและอาหารตลอดทั้งวัน รวมถึง Evening Cocktails อีกด้วย บอกเลยว่าช่วงเย็นบรรยากาศดีมาก สามารถขึ้นมาชมวิวอาทิตย์ตกสวยๆ คู่กับวิวเมืองได้จากบนนี้ ถือเป็นอีกไฮไลท์ของทางโรงแรมที่ไม่ควรพลาด


ปล. อยู่ระหว่างการปรับปรุง เตรียมจะเปิดให้ใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้


วิวยามเย็นจากบนเอ็กเซ็คคิวทีฟ เลาจน์


In Room Dining


นอกจากส่วนของห้องพักจะอยู่สบายแล้ว ยังสามารถใช้เป็นสถานที่สำหรับทานดินเนอร์แบบ Private เสิร์ฟตรงถึงห้องพักกันได้อีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเราชอบมาก เพราะได้ใช้เวลาและสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ โดยดินเนอร์ของเราวันนี้เป็นแบบ 3 คอร์ส (Appetizer, Main Courses, Desserts) สำหรับ 2 ท่าน เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์และสปาร์คกลิ้งไวน์ 2 แก้ว โดยเราสามารถเลือกเมนูจากแต่ละคอร์สได้ ซึ่งที่เราลองสั่งมามีทั้ง


Appetizer: Chicken Caesar Salad กับ Roasted Pumpkin Soup ชุปฟักทองเข้มข้นดี ชอบเลย ส่วนสลัดเอาไว้ทานคู่กับจานหลักลงตัวดี


Main Courses: ผัดไทกุ้ง หรือ Pork Fillet หรือ Spaghetti Bolognaise ที่ขอแนะนำเลยคือผัดไทยกุ้ง ที่อร่อยแบบไม่ต้องปรุง กับสปาเก็ตตี้เนื้อ รสชาติเข้มข้นดีมาก เนื้ออร่อย


Desserts: Blueberry Cheesecake และ Chocolate Cake โดยชีสเค้กเนื้อครีมชีสออกหวานๆ ตัดกับเบอร์รี่กะลังดี ส่วนช็อคโกแลตไม่ค่อยหวาน ออกไปทางขมๆ หลายคนน่าจะชอบ


Chicken Caesar Salad

Spaghetti Bolognaise และ Blueberry Cheesecake


Breakfast in the Room


สำหรับเมื้อเช้าก็เป็นอีกหนึ่งมื้อเช่นกันที่สามารถสั่งมารับประทานกันในห้องพักได้ เนื่องจากในช่วงนี้ทางโรงแรมปรับรูปแบบการให้บริการมาเป็นภายในห้องพักแทนห้องอาหาร ซึ่งเราสามารถสั่งเมนูกันเอาไว้ล่วงหน้าได้เลยตั้งแต่ตอนกลางคืนว่าอยากทานอะไร ให้มาเสิร์ฟตอนกี่โมง


สั่งกันได้เต็มที่เหมือนทานในห้องอาหาร ไม่ว่าจะเป็น Eggs Benedict ข้าวต้มหมู ไข่กะทะ แพนเค้ก Basket of French Bakery โคลคัท และอีกหลากหลายเมนู ที่มีให้สั่งได้ตามชอบรวมถึงชา กาแฟ และน้ำผลไม้ ถือว่าสะดวกเลยตื่นขึ้นมาก็พร้อมทานได้ทันทีไม่ต้องลงไปข้างล่าง มองดูบรรยากาศยามเช้าของกรุงเทพฯ จากบนตึกสูง ยิ่งช่วงเช้าแสงสาดเข้าห้องแล้วดูสวยดี นั่งจิบกาแฟ ชมวิว ก็เพลินดีนะ


Eggs Benedict

ไข่กะทะ และ American Pancake

จะทานแบบเก๋ๆ บนเตียงเลยก็ยังได้


บทสรุปของอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ คือความลงตัวของความคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างที่เราได้กล่าวไปตอนต้นว่า "ดีเกินเบอร์" โดยเฉพาะห้องพักที่ได้เพิ่งผ่านการรีโนเวทมาคือสวยงามน่ามาพักมาก เหมือนมาเที่ยวโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ๆ เลยก็ว่าได้ จะมาแบบคู่รักหรือแบบครอบครัวก็โอเคทั้งคู่ แถมตอนนี้ทางโรงแรมยังมีโปรโมชั่นราคาพิเศษอีกด้วย ถ้าใครสนใจลองเข้าไปดูในลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย


Amari Watergate Bangkok

เว็บไซต์ www.amari.com/watergate

โทร 02-653-9000

สำรองห้องพักออนไลน์ที่

 

จองห้องพัก Amari Watergate Bangkok ราคาพิเศษได้ที่นี่

เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)

เปรียบเทียบราคาจาก Booking

เปรียบเทียบราคาจาก Klook


อ่านรีวิวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amari Hua Hinได้ ที่นี่

อ่านรีวิวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amari Koh Samui ได้ ที่นี่



หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

bottom of page